ธรรมรัตน์ มะโรหบุตรเพ็ญจันทร์ เชอร์เรอร์ศิริวรรณ ไกรสุรพงศ์กฤษณา คำมูล2024-01-162024-01-16255825672558วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (สังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข))--มหาวิทยาลัยมหิดล, 2558https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/92934สังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข (มหาวิทยาลัยมหิดล 2558)วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ใช้มุมมอง วิธีการศึกษาทางมานุษยวิทยาโดยใช้การสังเกตแบบมีส่วนร่วมและ ไม่มีส่วนร่วม การสัมภาษณ์เชิงลึก รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลหลักเพื่อศึกษาถึงอัตวิสัย ประสบการณ์ในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 2 แห่ง แห่งละ 3 คน ในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย รวมถึงศึกษาประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ในการต่อต้าน ต่อรอง ต่อการดำเนินงานตามมาตรฐานตัวชี้วัด และปฏิบัติการเชิงนโยบายตามกรอบคุณภาพของหน่วยบริการปฐมภูมิ พร้อมทั้งทำงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ ผลการศึกษาพบว่ามุมมองของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มีต่อตัวชี้วัด คือ เป็นกรอบความคิดจากกระทรวงสาธารณสุข ใช้วัดผลสำเร็จของการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ เป็นงานที่ รพ.สต. ต้องดำเนินการ ไม่อาจปฏิเสธได้ ในการศึกษานี้ไม่พบประเด็นการต่อต้านที่ชัดเจนนัก แต่พบประเด็นการต่อรองโดยมองผ่านการปฏิบัติงานและการรายงานผลการปฏิบัติงาน คือ รพ.สต.ทำการรายงานผลตามความเป็นจริง ปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินการเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึงความละเอียดอ่อนและความต้องการของประชาชนภายใต้บริบท มิติทางสังคมวัฒนธรรมที่มีผลต่อพฤติกรรมสุขภาพ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานกับชาวบ้านให้แตกต่างไปจากสิ่งที่นโยบายกำหนด ข้อเสนอแนะ ในการประเมินเจ้าหน้าที่ รพ.สต. จากส่วนกลาง ผู้ประเมินควรทำความเข้าใจบริบทชุมชน พื้นที่ของ รพ.สต.มากกว่าการมองไปที่เป้าหมายที่เป็นตัวเลขเพียงอย่างเดียว ควรทำความเข้าใจถึงบริบทของ รพ.สต. ที่มีผลต่อการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ มองให้ลึกไปถึงในประเด็นที่ รพ.สต.ทำไม่ได้ว่ามีปัจจัยใดที่ทำให้ไม่สามารถทำได้ แล้วเสนอแนะหรือให้การช่วยเหลือรวมถึงการพัฒนาในประเด็นนั้นๆ ซึ่งจะช่วยให้ รพ.สต. สามารถทำงานได้ดีขึ้นThe viewpoint and methodology of this thesis was based on anthropology. Thesis methods are comprised of observation with and without social participation, deep interviews, and a key person interview. These methods study worked subjectivities, worked experience of 3 persons in each of 2 tambon's health promoting hospitals in a province in the north of Thailand, the experience of resistance and negotiation according to a standard indicator, worked patterns according to the primary care unit framework, and responding to people requirements in their responsibility area. The results found that the guidelines of the tambon health promoting hospital authorities are the framework indicators from ministry of public health which are applied to indicate the success in the working of the tambon health promoting hospital authority, the tambon health promoting hospital must implement all indicators by themselves without any refusals. In this study, the resistance was not obviously detected but the negotiation was detected from the field work and the worked report made by the tambon health promoting hospital, and from a continuous improvement in achieving goals. Problems were carefully solved by the requirements of the responsible people in the contexts of society and culture that cause health problems. The social work pattern is changed and is different to the policy. The suggestion for the evaluation of the tambon health promoting hospital work patterns by the central unit assessor is that the assessor should understand the social contexts of each area rather than taking aim at any statistical number. The social contexts should be understood in any factor which causes the tambon health promoting hospital to not work according to government policy. Then the central unit assessor must make suggestions and help the tambon health promoting hospital to improve their work patterns.ก-ฌ, 135 แผ่นapplication/pdfthaผลงานนี้เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ขอสงวนไว้สำหรับเพื่อการศึกษาเท่านั้น ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล -- ทัศนคติมาตรฐานการทำงานMaster Thesisมหาวิทยาลัยมหิดล