Bunlur EmaruchiKanogsak Eam-O-PasAreeya RittimaCholnicha Sareesook2024-02-082024-02-08201020102010Thesis (M.Sc. (Technology of Information System Management))--Mahidol University, 2010https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/95490Technology of Information System Management (Mahidol University 2010)งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิตข้าวและประเมินปริมาณก๊าซ CO2 ที่เกิดจากการใช้พลังงานในกระบวนการ ผลิตข้าวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการใช้พลังงานในแต่ละขั้นตอนของการผลิตข้าว และเป็นแนวทางในการหามาตรการการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อลดปริมาณการใช้พลังงานและสภาวะโลกร้อน สามารถส่งเสริมการผลิตข้าวไทยเพื่อแข่งขันกับในตลาดโลกได้ กรณีศึกษานี้ ใช้จานวนเกษตรกรที่ประกอบอาชีพทานา ในอาเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ เป็นตัวแทนประชากร จานวน 300 ตัวอย่างโดยรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามและคานวณการใช้เชื้อเพลิงด้วยโปรแกรม Microsoft Excel 2007 และหาเส้นทางการขนส่งที่เหมาะสมโดยใช้ Network Analyst ในโปรแกรม ArcGIS 9.2 ผลการวิจัยพบว่า พลังงานเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการผลิตข้าวทุก คือน้ามันดีเซล เบนซินและพลังงานไฟฟ้า โดยใช้น้ามันดีเซลตลอดขั้นตอนการผลิตข้าวเฉลี่ย 11.05 ลิตร ปลดปล่อย CO2 29.83 กิโลกรัม น้ามันเบนซิเฉลี่ย 0.39 ลิตร ปลดปล่อย CO2 0.89 กิโลกรัม และพลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 26.44 กิโลวัตต์ชั่วโมง ปลดปล่อย CO2 6.95 กิโลกรัม ผลรวมของการใช้พลังงานแต่ละกระบวนการผลิตคิดเป็น 0.746 เมกะจูลต่อไร่ต่อข้าวเปลือก 1 กิโลกรัม ผลผลิตข้าว 1 ไร่ ปลดปล่อย CO2 37.69 กิโลกรัมและผลผลิตข้าว 1 กิโลกรัมปลดปล่อย CO2 0.055 กิโลกรัม จากผลการวิจัยสรุปได้ว่า ขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ใช้พลังงาน สูงสุดและขั้นตอนการสีข้าวปลดปล่อย CO2 สูงสุด นอกจากนี้จากการเปรียบเทียบพลังงานที่ใช้ในการผลิตข้าวในพื้นที่ศึกษาพบว่าให้ผลไม่แตกต่างจากรายงานผลการศึกษาอื่นxi, 84 leaves : ill.application/pdfengผลงานนี้เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ขอสงวนไว้สำหรับเพื่อการศึกษาเท่านั้น ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าCarbon dioxide emissionsRice -- Energy consumptionRice -- Thailand -- NakhonsawanMaster ThesisMahidol University