ยุวนุช สัตยสมบูรณ์วิริณธิ์ กิตติพิชัยปัณรสี ขอนพุดซากัณฑกานต์ นิลสุ่ม2024-01-122024-01-12256025672560วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (สาธารณสุขศาสตร์))--มหาวิทยาลัยมหิดล, 2560https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/92524สาธารณสุขศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดล 2560)การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการยอมรับวิธีการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ของกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างเป็นชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย อายุ 18 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครอย่างน้อย 1 เดือน กลุ่มตัวอย่างในวิจัยนี้ ทั้งหมดจำนวน 180 คน เก็บข้อมูลโดยแบบสอบถามแบบประเมินด้วยตนเอง ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 82.8 ยอมรับการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองในระดับสูง ร้อยละ 91.7 มีทัศนคติที่ดีต่อการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี แต่ร้อยละ 40 ยังมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในระดับต่ำ ผลวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการยอมรับการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) พบว่า ได้แก่ อายุ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และทัศนคติต่อการป้องกันการ แพร่กระจายเชื้อและการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุ พบว่า ปัจจัยที่สามารถอธิบาย ความผันแปรค่าเฉลี่ยของการยอมรับการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ได้แก่ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และ ทัศนคติต่อการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี โดยทั้งสองตัวแปรสามารถร่วมกันอธิบายความผันแปรค่าเฉลี่ยการยอมรับการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองได้ ร้อยละ 11.3 สรุปได้ว่า การยอมรับการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ของกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย มีระดับสูง ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้หากผู้บริหารจะนำนโยบายการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง มาใช้ส่งเสริมการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชายต่อไปThis cross-sectional descriptive study aimed to assess acceptability of HIV self-testing among men who have sex with men (MSM) and factors associated with the acceptability, in Bangkok Thailand. The participants were 18 years old and older men who had sex with men at the study location and used to live in Bangkok for at least one month. A total of 180 subjects were recruited. The data was collected by using self-administered questionnaires designed to measure acceptability of HIV selftesting, knowledge related HIV prevention and attitude toward HIV prevention and HIV testing. The results showed that majority of participants (82.8%) accepted HIV self-testing at high level. 91.7% had good attitude toward HIV prevention and HIV testing, but only 40.0% of them had knowledge related HIV prevention at low level and. Using simple linear regression, it showed that age, monthly income, knowledge related HIV prevention and the attitude were significantly associated with the acceptability (p<0.05). Through multiple regression analyses, the potential factors of the acceptability of HIV self-testing were predicted by attitude toward HIV prevention and HIV testing, and monthly incomes. In conclusion, HIV self-testing was highly acceptable and may, therefore, be feasible to promote policy of HIV self-testing program for MSM.ก-ฌ, 112 แผ่น : ภาพประกอบapplication/pdfthaผลงานนี้เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ขอสงวนไว้สำหรับเพื่อการศึกษาเท่านั้น ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าการตรวจคัดโรคการติดเชื้อเอชไอวีเพศสัมพันธ์ -- การป้องกันรักร่วมเพศรักร่วมเพศชายเลือด -- การตรวจการยอมรับการตรวจหาการติดเขื้อเอชไอวีด้วยตนเองของกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ในกรุงเทพมหานครAcceptability of using HIV self-testing among men who have sex with men, in BangkokMaster Thesisมหาวิทยาลัยมหิดล