Publication: Thai Buddhism, women and social change
Issued Date
2020
Resource Type
Language
eng
Rights
Mahidol University
Rights Holder(s)
Research Institute for Languages and Cultures of Asia Mahidol University
Bibliographic Citation
Journal of Language and Culture. Vol.39, No.2 (Jul.-Dec. 2020), 1-22
Suggested Citation
Sophana Srichampa, โสภนา ศรีจำปา Thai Buddhism, women and social change. Journal of Language and Culture. Vol.39, No.2 (Jul.-Dec. 2020), 1-22. Retrieved from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/60833
Research Projects
Organizational Units
Authors
Journal Issue
Thesis
Title
Thai Buddhism, women and social change
Alternative Title(s)
พุทธศาสนาไทย สตรี และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
Author(s)
Abstract
The status of Thai women has been formally recognized in the Thai Constitution since 1932 and despite their playing major roles in society both inside and outside the household, their status remains unequal to that of men. In terms of Thai Buddhism, “maechi” – female devotees who shave their heads, wear white robes and practice eight precepts – are only recognized and accepted within the religious domain by the Thai sangha and public. Maechi are regarded as inferior in religion. Bhikkhuni on the other hand, have been one of the fourfold divisions of Buddhism since the Buddha’s time. Dr. Chatsuman Kabilsingh rebelled against the Thai sangha’s prohibition against women being ordained as bhikkhuni and opted to be ordained in Sri Lanka as Bhikkhuni Dhammananda. Bhikkhuni practice 311 precepts, and although they are marginalized by the Thai Sangha, they are respected by their many followers. They teach the dhamma and give dhamma trainings both locally and internationally. They also follow the Buddhist disciplines strictly. With the discipline and positive attitude of bhikkhuni, they are able to support the dhamma practice of Buddhists and help the Sangha to maintain Buddhism. It is the time for Buddhism in Thailand to rid itself of unwarranted sex discrimination and provide a clear path for women to take their place alongside men as monks.
รัฐธรรมนูญยอมรับสถานะของผู้หญิงไทยอย่างเป็นทางการในตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 และแม้ผู้หญิงจะมีบทบาทสำคัญในสังคมทั้งในและนอกบ้าน แต่สถานะของผู้หญิงไทยยังคงไม่เท่าเทียมกับผู้ชาย ในด้านพุทธศาสนาไทย “แม่ชี” – ผู้หญิงที่โกนศีรษะสวมชุดสีขาวและถือศีลแปด - เป็นที่รู้จักและยอมรับในศาสนจักรและสังคมไทย ในทางศาสนา แม่ชีมีสถานะที่ด้อยกว่า ในอีกด้านหนึ่ง ภิกษุณีเป็นหนึ่งในพุทธบริษัทสี่ที่ระบุไว้ ในพระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ได้กบฏต่อข้อห้ามของพระสงฆ์ไทยในการห้ามผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีและเลือกที่จะบวชที่ศรีลังกา และมีฉายาว่าภิกษุณีธัมมนันทา ภิกษุณีถือศีล 311 ข้อ แม้ว่าภิกษุณียังเป็นกลุ่มชายขอบในทัศนะของมหาเถรสมาคม แต่ก็ได้รับความเคารพจากญาติโยมเป็นจำนวนมาก ภิกษุณีสอนและฝึกอบรมธรรมะทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ อีกทั้งยังปฏิบัติตามหลักของพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ด้วยการมีวินัยและทัศนคติเชิงบวกของภิกษุณีนอกจากจะสามารถสนับสนุนการปฏิบัติธรรมของชาวพุทธแล้ว ยังช่วยมหาเถรสมาคมในการจรรโลงพระพุทธศาสนาด้วย ถึงเวลาแล้วที่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยจะต้องไม่เลือกปฏิบัติทางเพศอย่างไม่สมเหตุสมผล และเปิดทางให้ผู้หญิงมีโอกาสเช่นผู้ชายที่จะอยู่ในฐานะพระสงฆ์ให้ชัดเจนด้วย
รัฐธรรมนูญยอมรับสถานะของผู้หญิงไทยอย่างเป็นทางการในตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 และแม้ผู้หญิงจะมีบทบาทสำคัญในสังคมทั้งในและนอกบ้าน แต่สถานะของผู้หญิงไทยยังคงไม่เท่าเทียมกับผู้ชาย ในด้านพุทธศาสนาไทย “แม่ชี” – ผู้หญิงที่โกนศีรษะสวมชุดสีขาวและถือศีลแปด - เป็นที่รู้จักและยอมรับในศาสนจักรและสังคมไทย ในทางศาสนา แม่ชีมีสถานะที่ด้อยกว่า ในอีกด้านหนึ่ง ภิกษุณีเป็นหนึ่งในพุทธบริษัทสี่ที่ระบุไว้ ในพระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ได้กบฏต่อข้อห้ามของพระสงฆ์ไทยในการห้ามผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีและเลือกที่จะบวชที่ศรีลังกา และมีฉายาว่าภิกษุณีธัมมนันทา ภิกษุณีถือศีล 311 ข้อ แม้ว่าภิกษุณียังเป็นกลุ่มชายขอบในทัศนะของมหาเถรสมาคม แต่ก็ได้รับความเคารพจากญาติโยมเป็นจำนวนมาก ภิกษุณีสอนและฝึกอบรมธรรมะทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ อีกทั้งยังปฏิบัติตามหลักของพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ด้วยการมีวินัยและทัศนคติเชิงบวกของภิกษุณีนอกจากจะสามารถสนับสนุนการปฏิบัติธรรมของชาวพุทธแล้ว ยังช่วยมหาเถรสมาคมในการจรรโลงพระพุทธศาสนาด้วย ถึงเวลาแล้วที่พระพุทธศาสนาในประเทศไทยจะต้องไม่เลือกปฏิบัติทางเพศอย่างไม่สมเหตุสมผล และเปิดทางให้ผู้หญิงมีโอกาสเช่นผู้ชายที่จะอยู่ในฐานะพระสงฆ์ให้ชัดเจนด้วย