Journal Issue:
RSjournal Vol. 17 No. 1

Journal Volume

Journal Volume
RSjournal Volume 17
(2564)

Articles

Thumbnail Image
PublicationOpen Access
การศึกษารูปแบบสนามฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม และการเคลื่อนไหวสำหรับคนพิการทางการเห็น
(2564) สุวัฒน์ชัย จันทร์เฮง; Suwatchai Chanheng; มหาวิทยาลัยมหิดล. วิทยาลัยราชสุดา
งานวิจัยเรื่อง "การศึกษารูปแบบสนามฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหวสำหรับคนพิการทางการเห็น" มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดด้านองค์ประกอบของสนามฝึกอบรมทักษะการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและการเคลื่อนไหวสำหรับคนพิการทางการเห็นที่เหมาะสม ผู้วิจัยได้ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพแบบสามเส้า พบว่า ขนาดของสนามที่ใช้ฝึกทักษะการเดินทางสำหรับคนพิการทางการเห็นทั้งสามกลุ่มมีความเห็นตรงกัน ไม่สามารถกำหนดขนาดพื้นที่ของสนามฝึกทักษะการเดินทางสำหรับคนพิการทางการเห็นที่เป็นมาตรฐานได้ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ (ถ้ามีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลมาตรฐานก็จะทำเส้นทางการฝึกได้มาก) การสอนการเดินทางให้กับคนพิการทางการเห็น ควรมีพื้นที่สภาพแวดล้อมในเมืองหรือชนบทองค์ประกอบที่สำคัญที่มีในสนามฝึกอบรมคนพิการทางการเห็นควรมีองค์ประกอบ ถนน ตรอก ซอย ทางแยก ทางข้าม สะพาน ฟุตบาทตามมาตราฐาน หญ้า พุ่มไม้ ต้นไม้ พื้นทางเดินแบบต่างๆ (คอนกรีต/ยางมะตอย/ลูกรัง/ดิน/น้ำ) ช่องทางเดินจัดให้เป็นไปตามสภาพจริง แต่ควรออกแบบให้มีพื้นผิวต่างสัมผัสตามสภาพจริง เช่น พื้นที่ราบเรียบ ขรุขระ แอ่งน้ำ เป็นเนินสูงๆต่ำๆ เป็นช่วงระยะทางสั้นบ้างยาวบ้างจะได้สร้างความคุ้นชิน ทางเดินคนเดียวขนาดไม่ต่ำกว่า 1ช่วงไหล่ (ประมาณ 80 เซนติเมตร) เพื่อที่จะใช้เทคนิคไม้เท้าในการสัมผัสพื้นผิวช่องทางเดิน และใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการรับรู้สิ่งต่างๆ สนามฝึกทักษะควรมี จุดสังเกต 2 แบบ คือ แบบถาวร และแบบชั่วคราว สนามฝึกควรมีสภาพแวดล้อมทั้งแบบในเมือง และแบบชนบท ส่วนด้านช่วงอายุที่เหมาะสมพบว่า คนพิการทางการเห็นมีด้วยกันสองกลุ่ม คนพิการทางการเห็นกลุ่มคนพิการทางการเห็นที่มีมาแต่กำเนิด และกลุ่มคนพิการทางการเห็นที่พิการภายหลัง เวลาการฝึกรอบละไม่ควรเกิน 3 ชั่วโมง (รวมเวลาพักแล้ว) และถ้าคนพิการทางการเห็นอยู่ในวัยเด็กต้องผ่านการเตรียมความพร้อมพื้นฐานในการเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัว (การใช้สัมผัสทั้ง 5) มาก่อนการสอนการเดินทางส่วนใหญ่จะมีช่วงอายุประมาณ 10ปีขึ้นไป เวลาการฝึกควรฝึกทักษะรอบละไม่ควรเกิน1ชั่วโมง (รวมเวลาพักแล้ว)
Thumbnail Image
PublicationOpen Access
แบบจำลองการปฏิรูปนโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมด้านสุขภาพสำหรับคนพิการ
(2564) ปารณีย์ วิสุทธิพันธุ์; ทวี เชื้อสุวรรณทวี; อาดัม นีละไพจิตร; Paranee Visuttipun; Tavee Cheausuwantavee; Adam Neelapaijit; มหาวิทยาลัยมหิดล. วิทยาลัยราชสุดา. ภาควิชาฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ; มหาวิทยาลัยมหิดล. วิทยาลัยราชสุดา
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการศึกษา แบบจำลองการปฏิรูปนโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมด้านสุขภาพสำหรับคนพิการเพื่อศึกษาหาข้อสรุปเกี่ยวกับสภาพการบังคับใช้กฎหมายในอดีตและปัจจุบัน และแนวทางหรือวิธีการในการปฏิรูปนโยบายและกฎหมายในอนาคตเกี่ยวกับการส่งเสริมด้านสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างเป็นคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการในพื้นที่จังหวัดอีสานตอนล่าง โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ผลการศึกษา แบบจำลองการปฏิรูปนโยบายและกฎหมายทางด้านบริการสุขภาพสำหรับคนพิการที่เกี่ยวกับสภาพการบังคับใช้กฎหมาย พบว่า 1) ปัญหาเรื่องสิทธิการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ (การเดินทางไปรับบริการสุขภาพ) 2) การได้รับการบริการด้านสุขภาพอย่างเท่าเทียมกัน (ความเลื่อมล้ำระหว่างกองทุนหลักประกันสุขภาพ) 3) การบริการฟื้นฟูสมรรถภาพโดยกระบวนการทางการแพทย์ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าอุปกรณ์เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก ฯ (การให้บริการคนพิการทางจิต สติปัญญาและการเรียนรู้ มีสถานบริการน้อยมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัด) ดังนั้นแบบจำลองแนวทางการปฏิรูปนโยบายและกฎหมายด้านบริการสุขภาพพบว่า การเข้าถึงบริการสุขภาพสำหรับคนพิการในกลุ่มที่มีความรุนแรงรูปแบบการเยี่ยมบ้านโดยภาคีเครือข่ายทำให้คนพิการมีกำลังใจมากขึ้น ข้อเสนอแนะ ควรมีปฏิรูปกฎหมายเพื่อพัฒนาและปรับปรุงสิทธิประโยชน์กองทุนหลักประกันสุขภาพทั้ง 3 กองทุน ให้มีความเท่าเทียมกัน ควรมีการจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์สำหรับคนพิการเพื่อให้มีแบบแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ควรมีการพัฒนารูปแบบระบบการให้บริการด้านสุขภาพสำหรับคนพิการดูแลคนพิการกลุ่มพิเศษ

Availability

Collections