Browsing by Author "สมอาจ วงษ์ขมทอง"
Now showing 1 - 5 of 5
- Results Per Page
- Sort Options
Publication Open Access การถ่ายทอดเชื้อ HIV-1 จากมารดาสู่ทารกระหว่างคลอดและวิธีการคลอด: สหรัฐอเมริกา(2551) บังอร เทพเทียน; สมอาจ วงษ์ขมทอง; มหาวิทยาลัยมหิดล. สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียนการเลือกการรักษาในระหว่างตั้งครรภ์รวมทั้งการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเพื่อยับยั้งเชื้อ HIV-1 RNA1 ให้อยู่ในระดับที่ไม่สามารถตรวจได้พบ ในระยะก่อนการคลอด และในระหว่างการคลอดนั้น ต้องเน้น การรักษาที่ทำให้มีการถ่ายทอดเชื้อ HIV-1 จากมารดาสู่ทารกและโรคแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ได้ในมารดา และทารกแรกเกิดให้น้อยที่สุด การวิจัยหลายๆ ชิ้นที่ศึกษาก่อนที่มีการตรวจหาปริมาณเชื้อไวรัส และการรักษาด้วยยาต้านไวรัส หลายชนิดร่วมกัน พบว่าการผ่าท้องคลอดก่อนที่ถุงน้ำแตกหรือตามกำหนดมีความเกี่ยวข้องกับ การลดลงของการ ถ่ายทอดเชื้อ HIV-1 จากมารดาสู่ทารกอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับการคลอด วิธีอื่นๆ สามารถลดของการถ่ายทอดเชื้อ HIV-1ลงได้ระหว่างร้อยละ 55 ถึงร้อยละ 80 หลังจาก การทบทวนข้อมูลให้ข้อเสนอแนะว่าการเลือกวิธีการคลอดควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้รับในกลุ่มที่มี ความเสี่ยงต่อการถ่ายทอดเชื้อ HIVสูง ผู้หญิงที่ติดเชื้อ HIV-1 ที่ได้รับประโยชน์จากการคลอด โดยวิธีผ่าท้องคลอดขึ้นอยู่กับปริมาณ HIV-1 RNA และการรักษาด้วยยาต้านไวรัสในปัจจุบันPublication Open Access การพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้าน ในการให้คำแนะนำการดูแล รักษาเบื้องต้นและการส่งต่อที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัว(2546) สมอาจ วงษ์ขมทอง; บังอร เทพเทียน; สมศักดิ์ วงศาวาส; อารี คุ้มพิทักษ์; ศิริรัตน์ กาศิเษฎาพันธ์; มหาวิทยาลัยมหิดล. สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียนการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัย ในการให้คำแนะนำการดูแลรักษาเบื้องต้นและการส่งต่อที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัว ในจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิและแม่ฮ่องสอน ในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ ผู้ดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ให้มีศักยภาพในการดูแลรักษาในเบื้องต้น และการใช้ยาอย่างเหมาะสมแก่ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัว ผลการสำรวจข้อมูลพื้นฐานจากแบบสอบถาม ได้ทำการสำรวจเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านจำนวน 281 ราย พบว่าเจ้าหน้าที่มีประสบการณ์ในการเยี่ยมบ้านประมาณ 3 ปี และร้อยละ 53 เคยที่มีประสบการณ์ในการเยี่ยมผู้ป่วยเอดส์ที่บ้านปัญหาและอุปสรรคเยี่ยมบ้านมีสาเหตุหลักๆ 2 ประการคือ ขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานและผู้บังคับบัญชา รวมทั้งตัวผู้ป่วยเอดส์ และครอบครัวที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว และสองคือเจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่ชัดเจน ขาดทักษะในการให้การดูแลและการเข้าถึงชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินความรู้ ความเข้าใจและทักษะของเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้าน ที่พบว่าเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านส่วนใหญ่ยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับเอดส์ที่ชัดเจน ถูกต้องและทันสมัย นอกจากนี้ยังพบว่าเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านยังมีทัศนคติต่อผู้ป่วยเอดส์และโรคเอดส์ว่าเป็นเรื่องของคนที่มีพฤติกรรมไม่ดี การประเมินผลหลังจากการฝึกอบรม 3 เดือนพบว่า ความรู้ที่ได้รับสามารถนำไปปฏิบัติในการทำงานเยี่ยมบ้านผู้ป่วยเอดส์ได้เป็นอย่างดี และช่วยพัฒนางานเยี่ยมบ้านให้ดีขึ้นเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านมีความมั่นใจในการปฏิบัติมากยิ่งขึ้นเจ้าหน้าที่มีแนวทางที่จะให้ข้อมูลกับผู้ป่วยเอดส์และครอบครัวที่เป็นกลาง ไม่เกิดการลำเอียงในการให้ข้อมูล ช่วยให้ผู้ป่วย เอดส์และครอบครัวตัดสินใจร่วมกัน ในการหาแนวทางการปฏิบตั ติ นและดำเนินชีวติ ต่อไป การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้องและทันสมัย เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของชุมชน ผู้ป่วยเอดส์ และครอบครัว หลักสูตร “การดูแลผู้ป่วยเอดส์ที่บ้าน” เป็นหลักสูตรที่สองคล้องกันนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่เน้นให้การดูแลสุขภาพในเชิงรุก การทำให้ผู้ป่วยเอดส์และครอบครัวสามารถดูแลสุขภาพในเบื้องต้นได้ ทำให้ลดภาระงานของโรงพยาบาลไปได้บ้างในบางส่วน จึงควรนำมาเป็นหลักสูตรพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัย ให้มีหลักการและแนวคิดเดียวกันทั้งระบบ ส่วนรูปแบบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่และสังคม นอกจากนี้คณะผู้วิจัยยังเห็นว่าควรจะพัฒนาหลักสูตรนี้ต่อไปให้ครอบคลุมในทุกมิติทั้งทางด้านสังคมและวัฒนธรรมนอกเหนือจากมิติทางด้านสุขภาพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และควรเน้นการดูแลผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังที่บ้านควบคู่ไปกับผู้ป่วยเอดส์ด้วยItem Metadata only โครงการบัณฑิตอาสาสมัครป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ในโรงงานอุตสาหกรรมเขตกรุงเทพมหานคร :รูปแบบ ความพยายาม เพื่อนช่วยเพื่อน [2539](2539) เยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม; สมอาจ วงษ์ขมทอง; อลิศรา ชูชาติItem Metadata only โครงการบัณฑิตอาสาสมัครป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ในโรงงานอุตสาหกรรมเขตกรุงเทพมหานคร :รูปแบบ ความหมาย เพื่อนช่วยเพื่อน[ปี2538](2538) เยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม; สมอาจ วงษ์ขมทอง; อลิศรา ชูชาติ; มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียนPublication Open Access โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของความมุ่งมั่น ในการบริหารและการพัฒนาคุณภาพ ต่อผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชน ที่ไม่แสวงกำไรในประเทศไทย(2557) นิลาวรรณ งามขำ; สมอาจ วงษ์ขมทอง; บุญยง เกี่ยวการค้า; นงพิมล นิมิตรอานันท์; มหาวิทยาลัยมหิดล. สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียนการวิจัยเชิงวิเคราะห์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างความมุ่งมั่นในการบริหาร ของผู้บริหารโรงพยาบาล การพัฒนาคุณภาพที่มีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่แสวง กำไรในประเทศไทยและตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างรูปแบบเชิงสมมติฐานกับข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับ ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาล กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่แสวงกำไรที่มี ประสบการณ์ทำงาน 1 ปีขึ้นไป จำนวน 220 คน จากทั้งหมด 13 โรงพยาบาล สุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มอย่าง ง่ายตามสัดส่วนของแต่ละโรงพยาบาล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลประกอบ ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน การวิเคราะห์เส้นทางและการวิเคราะห์แบบจำลองสมการเชิงโครงสร้าง ผลการวิจัย พบว่าความมุ่งมั่นในการบริหารของผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่แสวงกำไรมีอิทธิพลทางตรง เชิงบวกต่อการพัฒนาคุณภาพ ค่าสัมประสิทธิ์เส้นทางเท่ากับ 0.510และไม่มีอิทธิพลทางตรงต่อผลการดำเนินงาน ของโรงพยาบาล แต่มีอิทธิพลทางอ้อมเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลโดยผ่านการพัฒนาคุณภาพ ค่าสัมประสิทธิ์เส้นทางเท่ากับ 0.404 และการพัฒนาคุณภาพมีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของ โรงพยาบาลค่าสัมประสิทธิ์เส้นทางเท่ากับ 0.790 ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ามีความสอดคล้องระหว่างรูปแบบ เชิงสมมติฐานกับข้อมูลเชิงประจักษ์และตัวแปรทั้งหมดในแบบจำลองที่ศึกษาสามารถอธิบายความผันแปรของผล การดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่แสวงกำไรในประเทศไทยได้ร้อยละ 62.2 ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชน ที่ไม่แสวงกำไรควรจัดทำนโยบายและแผนปฏิบัติการพัฒนาผลการดำเนินงานของโรงพยาบาล รวมถึงสร้างความ มุ่งมั่นในการบริหารของผู้บริหารระดับสูงต่อการพัฒนาคุณภาพอย่างแรงกล้าในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง