การศึกษาการถูกขัดจังหวะงานสำคัญของพยาบาลช่วยรอบนอกในห้องผ่าตัด โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย

Abstract

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความถี่และแหล่งที่มาของการถูกขัดจังหวะขณะปฏิบัติงานของพยาบาลช่วยรอบนอก และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของจำนวนครั้งของการถูกขัดจังหวะในแต่ละระดับผลกระทบของการเกิดการถูกขัดจังหวะของพยาบาลช่วยรอบนอกขณะปฏิบัติงานสำคัญกับชนิดของการผ่าตัด และจำนวนปีประสบการณ์การทำงานของพยาบาลช่วยรอบนอก

รูปแบบการวิจัย: การศึกษาเชิงพรรณนา

วิธีดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรในห้องผ่าตัดจำนวน 99 ราย ที่ทำหน้าที่เป็นพยาบาลช่วยรอบนอก ในการผ่าตัด 1) ศีรษะ ลำคอ เต้านม 2) ทางเดินอาหารและช่องท้อง 3) ทางเดินปัสสาวะ และ 4) กล้ามเนื้อและกระดูก ในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่งในประเทศไทย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสังเกตการถูกขัดจังหวะขณะปฏิบัติงานในห้องผ่าตัด วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงวิเคราะห์แบบ Kruskal Wallis Test และ Mann Whitney U

ผลการวิจัย: ผลจากการสังเกตการทำงานของพยาบาลช่วยรอบนอกในการผ่าตัดจำนวน 99 ราย ณ ห้องผ่าตัด พบว่า ค่าเฉลี่ยของระยะเวลาในการผ่าตัด เท่ากับ 155.1 นาที (SD = 77.2) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 86.9 อายุเฉลี่ย 41.1 ปี (SD = 9.69) บทบาทการให้บริการเป็นพยาบาลร้อยละ 56.6 และผู้ช่วยพยาบาลร้อยละ 43.4 โดยภาพรวมพบว่า การถูกขัดจังหวะขณะปฏิบัติงานในห้องผ่าตัดรวม 446 ครั้ง โดยแหล่งที่มาของการถูกขัดจังหวะมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ คนเดินเข้า-ออกในห้องผ่าตัด (153 ครั้ง หรือร้อยละ 34.3) รองลงมา คือ โทรศัพท์/วิทยุติดตามตัว/วิทยุ (118 ครั้ง หรือร้อยละ 26.45) และการพูดคุยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดเกิดขึ้นเป็นอันดับที่ 3 (72 ครั้ง หรือร้อยละ 16.14) และการพูดคุยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดมีผลกระทบต่อการทำงานของผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานมานานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p = .033)

Purpose: The purposes of this study were to identify frequency and sources of interruptions in the operating room, and to compare average of interruption occurrence in each level of the interruption effects among different types of surgery and different years of working experience.

Design: Descriptive study.

Methods: Ninety-nine circulating nurses performing critical tasks in 1) head neck breast 2) gastro-intestinal and abdomen 3) urological and 4) orthopedic surgeries were observed regarding the frequency and sources of interruptions of circulating nurses’ role at a university hospital in Thailand using the Interruptions Rating Scale. Data were analyzed by using descriptive statistics and Kruskal Wallis test and Mann Whitney U.

Main findings: Results from the observation on circulating nurses performing critical tasks in ninety-nine surgeries showed that mean intraoperative duration was 155.1 minutes (SD = 77.2). Most of them were female (86.9%) with mean age of 41.1 years (SD = 9.69); 56.6% were registered nurses and 43.4% practical nurses. Overall, 446 intraoperative interruptions were observed during 3 critical tasks. The most frequent sources of distractions and interruptions were people entering/exiting room (153 times, 34.3%), phone/radio/beeper (118 times, 26.45%), irrelevant communication (72 times, 16.14%). Data indicated that nurses with more working experience (>10 years) were more likely to be distracted and interrupted by case irrelevant communication than those with less experience (≤ 10 years) (p = .033).

Conclusion and recommendations: This study shows high interruptions during critical tasks in operating rooms. This study provides evidence of the need of developing guidelines/work instruction to minimize unnecessary interruptions during critical task procedures in operating rooms. Moreover, education and training for circulating nurses in operating rooms regarding handles interruptions in the safety manner are also needed.