Publication: พฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับประถมศึกษาที่มีภาวะโภชนาการเกิน: กรณีศึกษา จังหวัดนครปฐม
dc.contributor.author | พรรณิภา ทีรฆฐิติ | en_US |
dc.contributor.author | กิตติพงศ์ พูลชอบ | en_US |
dc.contributor.author | เมตตา ปิ่นทอง | en_US |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยมหิดล. วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา | |
dc.date.accessioned | 2014-08-25T07:10:27Z | |
dc.date.accessioned | 2017-03-16T08:07:12Z | |
dc.date.available | 2014-08-25T07:10:27Z | |
dc.date.available | 2017-03-16T08:07:12Z | |
dc.date.created | 2014-08-25 | |
dc.date.issued | 2553 | |
dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับประถมศึกษาที่มีภาวะ โภชนาการเกิน และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกายกับระดับภาวะ โภชนาการเกิน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับประถมศึกษาที่มีภาวะโภชนาการเกิน รวม 451 คน จังหวัด นครปฐม ใช้ค่าดัชนีมวลกายปรับตามอายุและเพศ (Body Mass Index-Age: BMI-Age) จำแนกระดับภาวะ โภชนาการเกินเป็นกลุ่มที่มีภาวะนํ้าหนักเกินและกลุ่มที่มีภาวะเสี่ยงต่อนํ้าหนักเกิน ตามค่าอ้างอิงCDC (Centers for Disease Control) คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยสุ่มเลือกนักเรียนที่มีภาวะโภชนาการเกินตาม สัดส่วนแบบชั้นภูมิ (Proportional Stratified Sampling) และเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ผลการวิจัยพบว่าเด็กนักเรียนที่มีภาวะนํ้าหนักเกินมีค่าเฉลี่ยนํ้าหนักตัว ส่วนสูง และดัชนีมวลกายสูง กว่าเด็กที่มีภาวะเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เด็กที่มีภาวะนํ้าหนักเกินมีความถี่ของการบริโภคอาหารมื้อ เช้าตํ่ากว่าเด็กที่มีภาวะเสี่ยงต่อนํ้าหนักเกินแ ต่พฤติกรรมการบริโภคของทอด ของมัน และขนมขบเคี้ยว บรรจุห่อของเด็กทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันนอกจากนี้ยังพบว่าการรับประทานอาหารมื้อเย็นและมื้อดึกเป็นมื้อหนักมีความสัมพันธ์กับระดับภาวะโภชนาการเกิน โดยเด็กที่มีภาวะนํ้าหนักเกินมีพฤติกรรมการ รับประทาน อาหารมื้อเย็นและมื้อดึกเป็นมื้อหนักมากกว่าเด็กที่มีภาวะเสี่ยงต่อนํ้าหนักเกิน( ร้อยละ 56.8 ต่อ ร้อยละ 43.3) สองในสามของสื่อโฆษณาที่มีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารของเด็กทั้งสองกลุ่มคือสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ เกี่ยวกับการออกกำลังกายพบว่าเด็กกลุ่มที่มีภาวะนํ้าหนักเกินมีคะแนนพฤติกรรมการออกกำลังกายตํ่ากว่ากลุ่มที่มีภาวะเสี่ยงต่อนํ้าหนักเกิน นอกจากนี้ยังพบความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายเป็นประจำกับระดับภาวะโภชนาการเกิน โดยเด็กที่มีภาวะนํ้าหนักเกินและเด็กที่มีภาวะเสี่ยงต่อนํ้าหนักเกิน ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย3 ครั้ง/สัปดาห์ และแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า2 0 นาทีเป็นประจำ ร้อยละ 4.7 ต่อ ร้อยละ 21.6 และ ร้อยละ 9.8 ต่อ ร้อยละ 29.1 ตามลำดับ เดก็ ที่มีภาวะนํ้าหนักเกินออกกำลังกายเป็นประจำน้อยกว่าเด็กที่มีภาวะเสี่ยงต่อนํ้าหนักเกินอย่างมีนัยสำคัญ จากผลการวิจัยสรุปได้ว่าเด็กที่มีภาวะโภชนาการเกินทั้งสองกลุ่มมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม และส่วนใหญ่มีสัดส่วนการออกกำลังกายเป็นประจำที่ตํ่ากว่าแนวทางปฏิบัติมาตรฐาน สิ่งสำคัญคือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวนั้นพบได้สูงในกลุ่มเด็กที่มีระดับภาวะโภชนาการเกินที่รุนแรงมากขึ้น | en_US |
dc.identifier.citation | วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา. ปีที่ 10, ฉบับที่ 1, ( ก.ค. 2553), 273-284 | en_US |
dc.identifier.uri | https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/1418 | |
dc.language.iso | tha | en_US |
dc.rights | มหาวิทยาลัยมหิดล | en_US |
dc.rights.holder | สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬาแห่งประเทศไทย (สวกท) | en_US |
dc.subject | ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) | en_US |
dc.subject | นักรียนระดับประถมศึกษา | en_US |
dc.subject | พฤติกรรมสุขภาพ | en_US |
dc.subject | Open Access article | |
dc.subject | วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา | |
dc.subject | Journal of Sports Science and Technology | |
dc.title | พฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนระดับประถมศึกษาที่มีภาวะโภชนาการเกิน: กรณีศึกษา จังหวัดนครปฐม | en_US |
dc.title.alternative | Health behavior of primary school students with over-nutritional status: A case study in Nakorn Pathom Province | en_US |
dc.type | Article | en_US |
dspace.entity.type | Publication |