ภาวะโภชนาการและผลทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กที่ได้รับอาหารทางสายให้อาหารที่บ้าน: รายงานเบื้องต้น

Abstract

บทนำ: การดูแลด้านโภชนาการอย่างเหมาะสมแก่ผู้ป่วยเด็กที่มีความจำเป็นต้องได้รับอาหารทางสายให้อาหาร มีผลต่อภาวะโภชนาการและภาวะแทรกซ้อน วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินภาวะโภชนาการและผลทางคลินิกของผู้ป่วยเด็กที่ได้รับอาหารทางสายให้อาหารที่บ้าน ในโปรแกรมการรักษาของศูนย์โภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดดำและสายให้อาหารที่บ้าน (ศูนยื HOPE) วิธีการศึกษา: การศึกษานี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากเวชระเบียนและแบบบันทึกข้อมูลของผู้ป่วยเด็กในศูนย์ HOPE ระหว่างเดือนมกราคม พ.ศ. 2549 ถึงมิถุนายน พ.ศ. 2556 โดยเก็บข้อมูลพื้นฐาน ภาวะโภชนาการ และภาวะแทรกซ้อนระหว่างอยู่ที่ในโปรแกรม ผลการศึกษา: จากการรวบรวมข้อมูลของผู้ป่วย จำนวน 43 ราย อายุเมื่อเริ่มรับการดูแลจากศูนย์คือ 2 ปี (ช่วงอายุ 0.75 - 17 ปี) ร้อยละของภาวะน้ำหนักตัวน้อย เตี้ย และผอมในผู้ป่วยเมื่อก่อนกับหลังการได้รับโปรแกรมการให้อาหาร 1 ปี คิดเป็นร้อยละ 53.4 กับ 33.3 ร้อยละ 63.3 กับ 57.1 และ 33.3 กับ 15.0 ตามลำดับ มีผู้ป่วย จำนวน 11 ราย ที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการให้อาหาร และร้อยละ 18 ของผู้ป่วยหยุดการรับอาหารทางสายให้อาหารได้ สรุป: โปรแกรมการให้อาหารทางสายให้อาหารที่บ้านของศูนย์ HOPE ช่วยให้ภาวะโภชนาการของผู้ป่วยดีขึ้น และ 1 ใน 5 ของผู้ป่วยสามารถกลับมากินอาหารทางปากได้ตามปกติ

Background: An appropriate nutritional management is necessary for patients who need enteral nutrition via tube feeding with regard to nutritional status and complications. Objective: To evaluate the nutritional status and clinical outcomes of pediatric patients receiving the home enteral nutrition program of the Center for Home Parenteral and Enteral Nutrition (HOPE) Methods: Data from medical records and the HOPE nutrition record forms was collected and analyzed in this preliminary study. The median age of patients when starting to receive this home enteral nutrition program was 2 years old (range from 0.75 to 17 years old). The proportion of patients with underweight, stunting and wasting at entry and after being under care of Center for HOPE were 53.4% vs 33.3%, 63.3% vs 57.1%, and 33.3% vs 15%, respectively. Feeding-related complications were found in 25% of patients (11/43). Eighteen percent of patients was able to wean off enteral nutrition via tube feeding. Conclusions: The results of this study suggest that the home enteral nutrition program of the Center for HOPE helps patients to improve their nutritional status and one-fifth of patients can wean off enteral nutrition.