ปัจจัยทำนายคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร

Abstract

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาคุณภาพการดูแลและอำนาจการทำนายของการมีส่วนร่วมในงาน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และอัตรากำลังของพยาบาลต่อคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร รูปแบบการวิจัย: การศึกษาความสัมพันธ์เชิงทำนาย วิธีดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างคือพยาบาลที่ปฏิบัติงานในคลินิกโรคเบาหวานของศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร จำนวน 106 ราย คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล อัตรากำลังพยาบาล การมีส่วนร่วมในงาน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในงาน และคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณา และสถิติถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย: การมีส่วนร่วมในงานและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในงานมีความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเบาหวานระดับปานกลางที่นัยสำคัญ .05 (r = .331, p < .01 และ r = .447, p < .01 ตามลำดับ) ผลการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ พบว่าแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เป็นปัจจัยเพียงตัวเดียวที่สามารถทำนายคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเบาหวานได้ (b = .418, p < .01) การมีส่วนร่วมในงาน และอัตรากำลังพยาบาลไม่สามารถทำนายคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเบาหวานได้ สรุปและข้อเสนอแนะ: แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในงานสามารถทำนายคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ของศูนย์บริการสาธารณสุขฯ ได้ ดังนั้นผู้บริหารจึงควรส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในงานให้มากขึ้นด้วยนโยบายทางการบริหารและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

Purpose: To study quality of care and predictive power of employee involvement, achievement motivation, and nurse staffing ratio on quality of care among diabetic patients.

Design: Predictive correlational study.

Methods: The sample population included 106 staff nurses working at diabetic clinics in public health centers, Bangkok Metropolitan Administration. A simple random sampling was used for the recruitment. Data were collected using a set of questionnaires consisting of demographic information, nurse staffing ratio, employee involvement, achievement motivation, and quality of care. Descriptive statistics and multiple regression analysis were used for data analysis.

Main findings: Employee involvement and achievement motivation were moderately and positively correlated with quality of care for patients with diabetes (r = .331, p < .01 and r = .447, p < .01 respectively). Multiple regression analysis revealed that only achievement motivation could predict the quality of care for patients with diabetes (b = .418, t = 3.507, p < .01). Both employee involvement and nurse staffing ratio could not predict the quality of care among patients with diabetes.

Conclusion and recommendations: As achievement motivation could predict the quality of care for patients with diabetes at public health centers; thus, administrators should promote and support the increase of nurses’ achievement motivation through administrative policies and related activities.