ปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มรสหวานที่จำหน่ายในมหาวิทยาลัยและบริเวณโดยรอบกรณีศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา

Abstract

ชา กาแฟ และโกโก้เย็นเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับ ความนิยมบริโภคมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำางาน ปริมาณน้ำตาลที่สูงในเครื่องดื่มรสหวานเป็นสิ่งที่ต้อง ตระหนักเพราะเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพ จึงจำเป็นต้องศึกษาปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มรสหวาน งานวิจัยนี้ เก็บรวบรวมข้อมูลตัวอย่างเครื่องดื่มรสหวาน ที่จำหน่ายในมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา และอาณาเขตโดยรอบรัศมีไม่เกิน 500 เมตร เก็บตัวอย่าง อย่างเป็นระบบโดยเก็บเครื่องดื่มชนิดเดียวกันและมี ค่าดัชนีการหักเหของแสง (Brix) ใกล้เคียงกันโดยใช้ Refractometer เป็นตัววัด นำามาเตรียมเป็น Single Composite Sample และวิเคราะห์หาปริมาณน้ำตาล ทั้งหมดโดยเครื่อง High Performance Liquid Chromatography (HPLC) ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด ที่พบในเครื่องดื่มรสหวานที่นิยมบริโภคอยู่ในช่วง 6-30 กรัมต่อ 100 มล. ใกล้เคียงกับปริมาณน้ำตาล ที่พบในการศึกษาก่อนหน้านี้ ปัจุบันภาชนะบรรจุ เครื่องดื่มมีขนาดใหญ่ขึ้น จากขนาดปกติ 660 มล. เป็น 960 มล. ทำให้ผู้บริโภคได้รับน้ำตาลสูงจาก 14-66 กรัม เป็น 20-96 กรัม ตามลำดับ เครื่องดื่ม รสหวานที่ศึกษาส่วนใหญ่ มีปริมาณน้ำตาลสูงกว่า เกณฑ์แนะนำาของสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพสำหรับ เครื่องดื่มที่กำหนดไว้ “ไม่ควรเกิน 6 กรัมต่อ 100 มล.” จากการศึกษานี้ สามารถใช้เป็นข้อมูลสำหรับแนะนำ ผู้บริโภคในการเลือกซื้อและบริโภคเครื่องดื่มรสหวาน ให้เหมาะสมกับสุขภาพ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อ การเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

Iced coffee, tea and cocoa drinks are increasingly popular among teenagers and offi ce workers. The high amount of sugar in sugarsweetened beverages (SSB) is a serious cause of health problems. Thus, investigating the amount of total sugar in SSB is needed. This case study was conducted at and around the Mahidol University, Salaya Campus, within a radius of 500 meters. Sampling was systematically conducted. Similar types of SSB with the same range of degrees brix, measured using a refractometer, were prepared as a single composite sample. Total sugars of different SSB were analyzed using HPLC. Total sugar among popular SSB ranged from 6 to 30 g per 100 mL, nearly the same types of SSB reported in a related study. Nevertheless, the current container sizes of SSB have increased markedly, ranging from the common size of 660 mL to the giant size of 960 mL. Consumers would receive 14-66 g and 20-96 g of total sugar, respectively. Most studied SSB contained total sugar higher than the recommended level for the healthier label on beverages, i.e., “not more than 6 g per 100 mL”. The fi ndings could be used as guidelines to advise consumers to select and consume healthier SSB to prevent the risk of noncommunicable diseases.