การประพันธ์ทางเดี่ยวซออู้ เพลงเชิดนอก

Abstract

การประพันธ์ทางเดี่ยวซออู้ เพลงเชิดนอก มีแนวคิดการประพันธ์ทางเดี่ยวโดียใช้ทางปี่ในเป็นพื้นฐาน เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่ปรากฏบทเพลงดังกล่าวสําหรับทางเดี่ยวซออู้ ผู้วิจัยได้ศึกษาโครงสร้าง คุณลักษณะของเพลงเชิดนอก จังหวะและเอกลักษณ์ของบทเพลง รวมถึงศึกษาหลักการประพันธ์เพลงไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการประพันธ์ทางเดี่ยว ในการศึกษาผู้วิจัยได้เลือกทางเดี่ยวปี่ใน เพลงเชิดนอก ของครูเทียบ คงลายทอง เป็นต้นแบบ จากการศึกษาพบว่าลักษณะของทางเดี่ยวปี่ใน เพลงเชิดนอก ประกอบด้วย ทํานองครวญ ทํานองเนื้อ ทํานองสร้อย ทํานองจับ มีการถ่ายทอดอารมณ์ให้ความรู้สึกถึงความรุกเร้า การไล่จับ ผู้วิจัยจึงนํารูปแบบดังกล่าวมาใช้ในการประพันธ์ เพื่อให้ได้ทางเดี่ยวซออู้ที่มีคุณลักษณะ รูปแบบและลีลาการบรรเลงใกล้เคิยงกับทางปี่ใน ในการประพันธ์ทางเดี่ยวจึงประกอบไปด้วยโครงสร้างทํานองอย่างปี่ใน มีเทคนิค อาทิ ครั่น ขยี้ พรมนิ้ว รูดนิ้ว สะอึก สะเดาะคันชัก สะบัด นิ้วคิวง และใช้การตั้งสายซออู้เป็นคู่ 4 (เร-ซอล) ทําให้เกิดลีลาที่เป็นลักษณะเฉพาะของซออู้ ขยายขอบเขตการบรรเลงได้หลากหลายขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน สามารถนํามาใช้เป็นเพลงสําหรับการฝึกซอมีพัฒนาทักษะฝึมีอ และเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์เพลงเดี่ยวสําหรับซออู้ต่อไปได้

The purpose of this research, A Solo Saw-U Composition of Choed Nok, is to study the piece “Choed Nok,” which has never been presented as a solo composition for saw-u. Therefore, the researcher is interested in studying and analyzing a structure and characteristic of Choed Nok, including the principles of solo composition in Thai traditional music. A solo style of pi-nai by Tieb Konglaithong is selected as a model of this study. From the study, it was found that the characteristics of the pi-nai single path in Choed Nok songs consist of Kruan, Nuea, Sroi, and Jub melodies which conveying emotions, and giving a feeling of aggression and chasing. Consequently, the researcher applied those aspects in the composition of solo saw-u to achieve the same characteristics, form, and style of playing as in the pi-nai. The solo saw-u composition of Choed Nok consists of the same melody structure as in the pi-nai, with saw-u techniques such as Kran, Ka-yi, Prom-New, Rood-New, Sa-Euk, Sa-Doh, Sa-Bud, New-Kuang, and etc. With a tuning in perfect fourth (D-G), it results in depicting a distinctive style and expanding the scope of playing in various ways. This research is a useful tool to improve solo saw-u skills for students, teachers, and performers as well as can be used as a model for solo saw-u compositions in the future.