Publication: Job stress among nurses in public hospitals in Ratchaburi province,Thailand
Submitted Date
2010-05
Accepted Date
2010-11
Issued Date
2010
Resource Type
Language
eng
ISSN
1905-1387
Rights
Mahidol University
Rights Holder(s)
ASEAN Institute for Health Development. Mahidol University.
Bibliographic Citation
Journal of Public Health and Development. Vol.9, No.1, (2011), 19-27
Suggested Citation
Aoki M, Aoki, Masaki, Kiewkarnka B, Boonyong Kiewkarnka, บุญยง เกี่ยวการค้า, Chompikul J, Jiraporn Chompikul, จิราพร ชมพิกุล Job stress among nurses in public hospitals in Ratchaburi province,Thailand. Journal of Public Health and Development. Vol.9, No.1, (2011), 19-27. Retrieved from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/1643
Research Projects
Organizational Units
Authors
Journal Issue
Thesis
Title
Job stress among nurses in public hospitals in Ratchaburi province,Thailand
Alternative Title(s)
ความเครียดจากการทำงานของพยาบาลโรงพยาบาลของรัฐในจังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
Corresponding Author(s)
Other Contributor(s)
Abstract
A cross-sectional descriptive study was conducted to study job
stress among nurses in public hospitals in Ratchaburi province,
Thailand. The objectives were to describe the prevalence of job
stress, the socio-demographic factors, the work characteristics and
the social support, as well as to identify the associations between
the independent variables and dependent variable. The subjects in
this study were 194 nurses and data were collected from January
to February, 2010. Descriptive statistics were used to explain the
characteristics of the study variables and the chi-square test was
used to identify the relationship between dependent and independent
variables.
The result showed slightly over a quarter of the respondents
(26.2%) were categorized into the high-risk group for job stress.
Moreover, job stress was found to be significantly associated with
workload, work relationships and social support. More than
70% of the respondents thought that their workloads were heavy.
It was also found that heavy workloads caused high stress to nurses.
Over 60% of respondents thought their work relationships were
good. The nurses who thought that they had good relationships at
work had lower job stress. The proportion of the subjects who
thought that social support was good and thought it was moderate
were almost equal, whereas no one thought their social support
was poor. The more support they received, the less job stress they
experienced.
This study revealed that appropriate workloads, work relationships
and social support can reduce job stress. In order to decrease
job stress, it is recommended that nurses’ workloads, work relationships
and social support should be carefully considered and
managed by hospital administrators with a view to reducing job
related stress.
ABSTRACT
A cross-sectional descriptive study was conducted to study job stress among nurses in public hospitals in Ratchaburi province, Thailand. The aims were to describe the prevalence of job stress, the socio-demographic factors, the work characteristics and the social support, as well as to identify the associations between the independent variables and dependent variable. There were 194 nurses in this study and data were collected from January to February, 2010.
The result showed slightly over a quarter of the respondents (26.2%) were categorized into the high-risk group. Job stress was found to have significant associations with workload, work relationships and social support. More than 70 percent of the respondents thought that their workloads were heavy. It was found that heavy workloads caused high stress to nurses. Over 60 percent of respondents thought their work relationships were good. The nurses who thought that they had good relationships at work had lower job stress. Slightly over half of the respondents (50.8%) thought that social support was good and 49.4 percent thought it was moderate, whereas no one thought their social support was poor. The more support they received, the less their job stress.
With respect to age, the mean of effort/reward ratio for the 36 to 45 age group was highest (0.714), while the under 35 age group had the lowest mean (0.663).
Single status nurses had a higher mean of effort/reward ratio (0.701) than married nurses (0.672). Regarding monthly income, the 30,000 to 35,000 bath group had the highest mean of effort/reward ratio (0.702), while the over 35,000 bath group had the lowest mean (0.672). With regard to nurse registration term and working duration at the hospital, the under 10 year group had the highest mean of effort/reward ratio (0.718 and 0.704 respectively)
This study revealed that appropriate workloads, work relationships and social support can reduce job stress. In order to decrease job stress, it is recommended that nurse’s workloads, work relationships and social support should be carefully considered and managed with a view to reduce job related stress.
การศึกษาแบบตัดขวางเชิงพรรณนา ดำเนินการศึกษาความเครียดตากการทำงานของพยาบาลโรงพยาบาลของรัฐ ในจังหวัดราชบุรี ประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราความเครียดจาการทำงาน คุณลักษณะด้านประชากรและสังคม คุณลักษณะงานและการสนับสนุนทางสังคมของพยาบาล รวมทั้งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาล จำนวน 194 คน และเก็บข้อมูลระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 สถิติเชิงพรรณนาใช้ในการศึกษา และการทดสอบไคสแคว์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตามกับตัวแปรอิสระ ผลการศึกษาพบว่า ร้อยละ 26.2 ของกลุ่มตัวอย่างมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความเครียดจากการทำงาน นอกจากนี้ ยังพบความสัมพันธ์ของความเครียดจากการทำงานกับภาระงาน ความสัมพันธ์ในการทำงานกับภาระงาน ความสัมพันธ์ในการทำงานและการสนับสนุนทางสังคม มากกว่าร้อยละ 70 ของกลุ่มตัวอย่าง คิดว่าภาระงานที่รับผิดชอบเป็นภาระงานที่หนักมาก และเป็นผลทำให้เกิดความเครียด มากกว่าร้อยละ 60 ของกลุ่มตัวอย่าง คิดว่าความสัมพันธ์ในการทำงานอยู่ในระดับดี พยาบาลที่มีความสัมพันธ์ในการทำงานดีมีความเครียดจากการทำงานในระดับต่ำ กลุ่มตัวอย่างที่คิดว่าได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมในระดับดี และกับระดับปานกลางมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน และไม่มีผู้ใดคิดว่าได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมในระดับต่ำ กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมยิ่งมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ความเครียดจากการทำงานน้อยลง การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าภาระงานที่เหมาะสม การมีความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีและการได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมสามารถลดความเครียดจากการทำงานได้ ดังนั้นในมุมมองของการลดความเครียดจากการทำงาน ผู้บริหารโรงพยาบาลควรพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการมอบหมายภาระงาน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน และการให้แรงสนับสนุนทางสังคมแก่พยาบาล
การศึกษาแบบตัดขวางเชิงพรรณนา ดำเนินการศึกษาความเครียดตากการทำงานของพยาบาลโรงพยาบาลของรัฐ ในจังหวัดราชบุรี ประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราความเครียดจาการทำงาน คุณลักษณะด้านประชากรและสังคม คุณลักษณะงานและการสนับสนุนทางสังคมของพยาบาล รวมทั้งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาล จำนวน 194 คน และเก็บข้อมูลระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 สถิติเชิงพรรณนาใช้ในการศึกษา และการทดสอบไคสแคว์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตามกับตัวแปรอิสระ ผลการศึกษาพบว่า ร้อยละ 26.2 ของกลุ่มตัวอย่างมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความเครียดจากการทำงาน นอกจากนี้ ยังพบความสัมพันธ์ของความเครียดจากการทำงานกับภาระงาน ความสัมพันธ์ในการทำงานกับภาระงาน ความสัมพันธ์ในการทำงานและการสนับสนุนทางสังคม มากกว่าร้อยละ 70 ของกลุ่มตัวอย่าง คิดว่าภาระงานที่รับผิดชอบเป็นภาระงานที่หนักมาก และเป็นผลทำให้เกิดความเครียด มากกว่าร้อยละ 60 ของกลุ่มตัวอย่าง คิดว่าความสัมพันธ์ในการทำงานอยู่ในระดับดี พยาบาลที่มีความสัมพันธ์ในการทำงานดีมีความเครียดจากการทำงานในระดับต่ำ กลุ่มตัวอย่างที่คิดว่าได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมในระดับดี และกับระดับปานกลางมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน และไม่มีผู้ใดคิดว่าได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมในระดับต่ำ กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมยิ่งมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ความเครียดจากการทำงานน้อยลง การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าภาระงานที่เหมาะสม การมีความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีและการได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมสามารถลดความเครียดจากการทำงานได้ ดังนั้นในมุมมองของการลดความเครียดจากการทำงาน ผู้บริหารโรงพยาบาลควรพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการมอบหมายภาระงาน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน และการให้แรงสนับสนุนทางสังคมแก่พยาบาล