แบบแผนการนอนหลับในวัยรุ่นที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดขณะรับการรักษาในโรงพยาบาลกับที่บ้าน

Abstract

การวิจัยพรรณนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบแบบแผนการนอนหลับในวัยรุ่นที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดขณะรับการรักษาในโรงพยาบาลกับที่บ้าน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง คือ วัยรุ่นที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งอายุ 10-18 ปี จำนวน 30 ราย ที่เข้ารับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดในโรงพยาบาลระดับตติยภููมิ 2 แห่ง เครื่องมือวิิจัย ประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลทางคลินิก และแบบบันทึกการนอนประจำวัน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและทดสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่มด้วยสถิติ Dependent t-test และ Wilcoxon signed rank test ผลการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่วัยรุ่นที่่ ป่วยเป็นโรคมะเร็งเข้านอนช่วงเวลา 20:00-20:59 น. ทั้งขณะอยู่โรงพยาบาลและที่่บ้าน ตื่นนอนขณะอยู่โรงพยาบาลช่วงเวลา 5:00-6:59 น. เร็วกว่าตื่่นนอนที่่บ้าน (7:00-7:59 น.) และลุุกจากเตียงขณะอยู่โรงพยาบาลและที่่บ้าน ช่วงเวลาเดียวกัน (7:00-7:59 น.) เมื่่อเปรียบเทียบแบบแผนการนอนหลับพบว่า ขณะอยู่โรงพยาบาลแตกต่างกับที่่บ้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระยะเวลาก่อนหลับมากกว่าขณะอยู่ที่่บ้านตื่่นระหว่างกลางคืนบ่อยครั้งมากกว่าขณะอยู่ที่่บ้าน ระยะเวลารวมในการตื่่นระหว่างคืนมากกว่าขณะอยู่ที่่บ้าน งีบหลับระหว่างวันบ่อยครั้งมากกว่าขณะอยู่ที่่บ้าน ระยะเวลารวมในการงีบหลับมากกว่าขณะอยู่ที่่บ้าน ระยะเวลานอนรวมน้อยกว่าขณะอยู่ที่่บ้าน ระดับคุุณภาพการนอนต่ำกว่าขณะอยู่ที่่บ้าน ความรู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นน้อยกว่าขณะอยู่ที่บ้าน ส่วนระยะเวลาที่พยายามหลับต่อระยะเวลาตื่นก่อนที่่คาดไว้ และการดื่มเครื่องดื่่มที่่มีคาเฟอีนไม่แตกต่างกันทั้งขณะอยู่ที่โรงพยาบาลและที่บ้านจากการศึกษานี้เสนอแนะว่า บุคลากรทางสุุขภาพควรตระหนักถึงปัญหาการนอนหลับประเมิน และวางแผนการพยาบาลเพื่่อส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับในวัยรุ่นที่่ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่่เข้ารับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดในโรงพยาบาลและขณะอยู่ที่่บ้านต่อไป

This descriptive study aimed to compare sleep patterns between hospitalization and at home in adolescents with cancer receiving chemotherapy. The purposive sample consisted of 30 adolescents aged 10-18 years old, diagnosed with all types of cancer,and hospitalized for chemotherapy in two tertiary hospitals. Data were obtained using demographic and clinical characteristics questionnaires and a sleep diary. Descriptive statistics, dependent t-test, and Wilcoxon-signed rank test were used to analyze the data. The results revealed that most adolescents with cancer got into bed between 8:00-8:59 PM, which was similar between hospitalization and at home. Most of them woke up early between 5:00-6:59 AM, which was earlier than those at home between 7:00-7:59 AM. The most-reported time of getting out of bed was between 7:00-7:59 AM for both in hospital and at home. When comparing sleep patterns during hospitalization with those at home, the results showed that sleep patterns were significantly different. The hospitalized adolescents reported longer sleep latency, more night awakenings,longer total wake time after sleep onset, more daytime naps, longer total naptime, shorter total sleep time, poorer sleep quality, and less feeling refreshed after waking up. There were no significant differences in time in bed trying to sleep after the final awakening,wake up time earlier than planned, and caffeinated drinks. These results demonstrate that it is imperative that healthcare professionals should be aware of the sleeping problems,assess sleep patterns, and plan interventions for promoting sleep quality among hospitalized adolescents receiving chemotherapy and while at home.