Publication: The Association of Vitamin D Level and Pulmonary Tuberculosis in Thailand
Issued Date
2016
Resource Type
Language
eng
ISSN
0125-3611 (Print)
2651-0561 (Online)
2651-0561 (Online)
Rights
Mahidol University
Rights Holder(s)
Department of Medicine Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital Mahidol University
Chaophraya Abhaibhubejhr Hospital
Chaophraya Abhaibhubejhr Hospital
Bibliographic Citation
Ramathibodi Medical Journal. Vol. 39, No. 2 (Apr-Jun 2016), 82-89
Suggested Citation
Viratch Tangsujaritvijit, Pichaya Chamnanve, Chalalai Klaipim, Naparat Amornputtisathaporn, วิรัช ตั้งสุจริตวิจิตร, พิชญา ชำนาญเวช, ชลาลัย คล้ายพิมพ์, นภารัตน์ อมรพุฒิสถาพร The Association of Vitamin D Level and Pulmonary Tuberculosis in Thailand. Ramathibodi Medical Journal. Vol. 39, No. 2 (Apr-Jun 2016), 82-89. Retrieved from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/79601
Research Projects
Organizational Units
Authors
Journal Issue
Thesis
Title
The Association of Vitamin D Level and Pulmonary Tuberculosis in Thailand
Alternative Title(s)
ความสัมพันธ์ระหว่างระดับวิตะมินดีและการเกิดวัณโรคปอดในประเทศไทย
Abstract
Background: About ten million of the world population has vitamin D deficiency The associations between vitamin D deficiency and tuberculosis (TB) may be explained by evidence for an immunoregulatory role of the vitamin. A previous study has shown that polymorphisms in vitamin D receptor associated with TB infection in some population and in some studies showed the association of vitamin D deficiency with pulmonary TB as the risk factor. In Thailand, there has been no prior study about the association between vitamin D deficiency and TB patients.
Method: Serum 25-hydroxycholecalciferol concentrations were measured who clinical history and laboratory suggesting of active pulmonary tuberculosis. We measured serum calcium, phosphate, creatinine, liver function test and recorded the symptoms. Demographic data such as chest X-ray finding, body weight and height were collected. Age, sex matched control population who were not diagnosed having pulmonary TB, did not have symptom suggesting TB and had normal chest X-ray was measured for serum 25-hydroxycholecalciferol concentrations. We exclude those who had chronic kidney disease, nephrotic syndrome, liver cirrhosis and who use antiretroviral, steroid, antiepileptic drug and supplementary nutrition which influence the vitamin D level.
Result: We collected 30 patients in TB group and 31 in healthy adult control group. The characteristic between groups is not different. We observed vitamin D below 40 ng per milliliter in 90% (27/30) of the TB patients and 100% of the healthy control group and there is no statistical significance between these two groups.
Discussion: There is no statistical significant of the different between mean serum 25-hydroxycholecalciferol in patient with pulmonary TB and control group. As compared with previous studies, the number of patient with pulmonary tuberculosis who had vitamin D deficiency in this study was higher than in the previous studies. The previous studies showed that vitamin D deficiency is associated with higher risk of active tuberculosis, but our study did not show this association.
บทนำ: ประมาณ 10 ล้านคนในโลกมีภาวะพร่องวิตะมินดี ซึ่งวิตะมินดีมีความสำคัญในการควบคุมการทำงานของระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีรายงานในอดีตพบความสัมพันธ์ระหว่าง polymorphysim ของตัวรับวิตะมินดีกับการเกิดวัณโรคในประชากรบางกลุ่ม และยังพบความสัมพันธ์ระหว่างภาวะพร่องวิตะมินดีกับการติดเชื้อวัณโรคในปอด ซึ่งยังไม่มีการศึกษาความสัมพันธ์ดังกล่าวในประเทศไทย วิธีการศึกษา: ทำการวัดระดับ 25-hydroxycholcalcifeol แคลเซียม ฟอสเฟต ระดับครีอะตินีน การทำงานของตับและข้อมูลทางประชากรในคนที่มีประวัติทางคลินิกและผลทางห้องปฏิบัติการที่บ่งชี้จะเป็นวัณโรคปอดที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ เปรียบเทียบกับกลุ่มประชากรทั่วไปที่มีอายุ-เพศที่ลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ไม่ได้มีอาการบ่งชี้ว่าเป็นวัณโรคปอดและมีภาพถ่ายรังสีปอดปกติ ผู้ป่วยที่มีโรคไตเรื้อรัง กลุ่มอาการเนฟโฟรติก ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็ง และผู้ป่วยที่ได้รับยาด้านไวรัสเอดส์ ยากลุ่มเสตียรอยด์ ยากันชัก และสารอาหารเสริมจะถูกคัดออกจากการศึกษา เนืองจากจะมีผลต่อระดับวิตะมินดีในเลือด ผลการศึกษา: มีผู้ป่วยวัณโรคปอด 30 ราย และกลุ่มประชากรที่เป็นกลุ่มควบคุม 31 ราย พบว่าร้อยละ 90 (27 ใน 30 ราย) ของผู้ป่วยวัณโรคปอด และร้อยละ 100 ของกลุ่มประชากรที่เป็นกลุ่มควบคุม มีระดับวิตามินดีต่ำกว่า 40 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สรุป: ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของค่า 25-hydroxycholcalciferol ในเลือดของผู้ป่วยที่วินิจฉัยวัณโรคปอดเมื่อเทียบกับประชากรกลุ่มควบคุม
บทนำ: ประมาณ 10 ล้านคนในโลกมีภาวะพร่องวิตะมินดี ซึ่งวิตะมินดีมีความสำคัญในการควบคุมการทำงานของระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย มีรายงานในอดีตพบความสัมพันธ์ระหว่าง polymorphysim ของตัวรับวิตะมินดีกับการเกิดวัณโรคในประชากรบางกลุ่ม และยังพบความสัมพันธ์ระหว่างภาวะพร่องวิตะมินดีกับการติดเชื้อวัณโรคในปอด ซึ่งยังไม่มีการศึกษาความสัมพันธ์ดังกล่าวในประเทศไทย วิธีการศึกษา: ทำการวัดระดับ 25-hydroxycholcalcifeol แคลเซียม ฟอสเฟต ระดับครีอะตินีน การทำงานของตับและข้อมูลทางประชากรในคนที่มีประวัติทางคลินิกและผลทางห้องปฏิบัติการที่บ่งชี้จะเป็นวัณโรคปอดที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ เปรียบเทียบกับกลุ่มประชากรทั่วไปที่มีอายุ-เพศที่ลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ไม่ได้มีอาการบ่งชี้ว่าเป็นวัณโรคปอดและมีภาพถ่ายรังสีปอดปกติ ผู้ป่วยที่มีโรคไตเรื้อรัง กลุ่มอาการเนฟโฟรติก ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็ง และผู้ป่วยที่ได้รับยาด้านไวรัสเอดส์ ยากลุ่มเสตียรอยด์ ยากันชัก และสารอาหารเสริมจะถูกคัดออกจากการศึกษา เนืองจากจะมีผลต่อระดับวิตะมินดีในเลือด ผลการศึกษา: มีผู้ป่วยวัณโรคปอด 30 ราย และกลุ่มประชากรที่เป็นกลุ่มควบคุม 31 ราย พบว่าร้อยละ 90 (27 ใน 30 ราย) ของผู้ป่วยวัณโรคปอด และร้อยละ 100 ของกลุ่มประชากรที่เป็นกลุ่มควบคุม มีระดับวิตามินดีต่ำกว่า 40 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สรุป: ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของค่า 25-hydroxycholcalciferol ในเลือดของผู้ป่วยที่วินิจฉัยวัณโรคปอดเมื่อเทียบกับประชากรกลุ่มควบคุม
