ผลของการให้ข้อมูลต่อปฏิสัมพันธ์ขณะให้นมระหว่างมารดาวัยรุ่นกับทารกเกิดก่อนกำหนด

Abstract

การวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบคะแนนปฏิสัมพันธ์ขณะให้นมระหว่างมารดากับทารกเกิดก่อนกำหนด ระหว่างกลุ่มที่ได้รับข้อมูลกับกลุ่มที่ไม่ได้รับข้อมูล กลุ่มตัวอย่าง คือ มารดาวัยรุ่นอายุ 13-19 ปี และทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์ และเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด โรงพยาบาลสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 46 คู่ เลือกกลุ่มตัวอย่างตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 23 คู่ กลุ่มทดลองได้รับข้อมูลรายบุคคลเกี่ยวกับการตอบสนองต่อสื่อสัญญาณของทารกเกิดก่อนกำหนดขณะให้นม ผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ มีการแจกคู่มือ การปฏิบัติจริงในการให้นมแก่ทารกจากเต้า และการให้ข้อมูลป้อนกลับ กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบบันทึกข้อมูลทั่วไปของมารดาและทารกเกิดก่อนกำหนด แบบสังเกตปฏิสัมพันธ์ขณะให้นมระหว่างมารดากับทารกเกิดก่อนกำหนด โดยมีการบันทึกวิดีโอเทปปฏิสัมพันธ์ขณะให้นม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม ผลการวิจัยพบว่า มารดากลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยปฏิสัมพันธ์ขณะให้นมระหว่างมารดากับทารกเกิดก่อนกำหนด หลังการทดลองสูงกว่ามารดากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.01) จึงมีข้อเสนอแนะว่า ควรนำการให้ข้อมูลนี้ไปใช้กับมารดาวัยรุ่นที่มีบุตรเป็นทารกเกิดก่อนกำหนด เพื่อช่วยส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ขณะให้นมระหว่างมารดากับทารกเกิดก่อนกำหนดให้เพิ่มขึ้นต่อไป

The purpose of this quasi-experimental study was to compare feeding interaction of mothers and their preterm infants between the experimental group and the control group. Participants were 46 pairs of adolescent mothers aged 13-19 years, and their preterm infants whose gestational aged less than 37 weeks and who were admitted at Neonatal Intensive Care Unit (NICU) of Sukhothai hospital, Sukhothai province. The study sample was selected based on the inclusion criteria, and divided into the experimental and the control groups of 23 pairs each. The mothers in the experimental group received information individually regarding response to preterm infants' cues during feeding through computer media and manual. The mothers also practiced breastfeeding with their preterm infants and received feedback from the researcher. The mothers in the control group received routine nursing care. Data were collected by using the demographic data forms of the mothers and their infants, and the observation form of Feeding Interaction between Mothers and Preterm Infants. The video tape was recorded to evaluate feeding interaction of the mothers and their preterm infants. Data were analyzed by using descriptive statistics and ANCOVA. The study results revealed that after receiving the intervention, the mothers in the experimental group had higher mean score of feeding interaction of mothers and preterm infants than those in the control group with statistical significance (p<0.1). It is recommended that the information used in this study should be provided to adolescent mothers who have preterm infants in order to enhance feeding interaction with their preterm infants.