Effectiveness of back exercise and education for low back pain prevention among nurses at a tertiary hospital
3
Issued Date
2017
Copyright Date
2017
Resource Type
Language
eng
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
x, 92 leaves : ill.
Access Rights
open access
Rights
ผลงานนี้เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ขอสงวนไว้สำหรับเพื่อการศึกษาเท่านั้น ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า
Rights Holder(s)
Mahidol University
Bibliographic Citation
Thesis (M.Sc. (Epidemiology))--Mahidol University, 2017
Suggested Citation
Thanapol Chaiprateep Effectiveness of back exercise and education for low back pain prevention among nurses at a tertiary hospital. Thesis (M.Sc. (Epidemiology))--Mahidol University, 2017. Retrieved from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/113131
Title
Effectiveness of back exercise and education for low back pain prevention among nurses at a tertiary hospital
Alternative Title(s)
ประสิทธิผลของการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหลังและให้ความรู้สำหรับการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างของพยาบาลที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่ง
Author(s)
Abstract
Low back pain is a serious problem in public health and it is considered to be a major problem among occupational diseases. The purpose of this study was to examine the effectiveness of back exercise for low back pain prevention among nursing personnel. This was a quasi-experimental study conducted using a sample of sixty nurses from Siriraj Hospital. They were randomly divided into two groups; a training group and a control group. The training group followed a back exercise program including pelvic tilt, back extension, and knee to chest at least 3 days per week for 12 weeks while the control group was allowed to perform usual activities. Data collection was done by the same questionnaire at the 1st, 4th, 8th, and 12th week. The results of this study indicated that there were significant differences of pain score and Thai Version of Oswestry Questionnaire score between training and control group (P-value < 0.001) and the beneficial effects improved significantly during the time point of exercise (P-value < 0.001). It was therefore concluded that back exercise could relieve low back pain, improve disability score and it could also be helpful for low back pain prevention.
อาการปวดหลังส่วนล่างเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขและพบมากที่สุดในโรคจากการประกอบอาชีพ วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อศึกษาประสิทธิผลของการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหลัง สำหรับการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างของพยาบาล การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างคือ อาสาสมัครพยาบาลจำนวน 60 คนที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลศิริราชซึ่งได้สุ่มแบ่งออกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยกลุ่มทดลองคือกลุ่มที่ปฏิบัติตามโปรแกรมออกกำลังกายซึ่งประกอบด้วยท่า Pelvic tilt, Back extension และ Knee to chest โดยต้องปฏิบัติอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ แต่กลุ่มควบคุมจะ ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติกิจกรรมตามปกติ การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามชุดเดียวกัน ณ สัปดาห์ที่ 1, 4, 8 และ 12 ซึ่งผลการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าระดับอาการปวดและคะแนนแบบประเมินออสเวสทรีในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value < 0.001) และมีการลดลงของอาการปวดหลังส่วนล่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value < 0.001) ดังนั้นการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหลังสามารถบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่างและเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันซึ่งอาจช่วยป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่าง
อาการปวดหลังส่วนล่างเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขและพบมากที่สุดในโรคจากการประกอบอาชีพ วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อศึกษาประสิทธิผลของการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหลัง สำหรับการป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่างของพยาบาล การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างคือ อาสาสมัครพยาบาลจำนวน 60 คนที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลศิริราชซึ่งได้สุ่มแบ่งออกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยกลุ่มทดลองคือกลุ่มที่ปฏิบัติตามโปรแกรมออกกำลังกายซึ่งประกอบด้วยท่า Pelvic tilt, Back extension และ Knee to chest โดยต้องปฏิบัติอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ แต่กลุ่มควบคุมจะ ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติกิจกรรมตามปกติ การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามชุดเดียวกัน ณ สัปดาห์ที่ 1, 4, 8 และ 12 ซึ่งผลการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าระดับอาการปวดและคะแนนแบบประเมินออสเวสทรีในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value < 0.001) และมีการลดลงของอาการปวดหลังส่วนล่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value < 0.001) ดังนั้นการออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหลังสามารถบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่างและเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันซึ่งอาจช่วยป้องกันอาการปวดหลังส่วนล่าง
Description
Epidemiology (Mahidol University 2017)
Degree Name
Master of Science
Degree Level
Masters
Degree Department
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
Degree Discipline
Epidemiology
Degree Grantor(s)
Mahidol University
