อิทธิพลของค่าการกำจัดครีอะตินิน ประสิทธิภาพการไอ การรับรู้คุณภาพการนอนหลับ การรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วย ต่อระยะเวลาทดสอบการหายใจเองในผู้ป่วยที่หย่าเครื่องช่วยหายใจสำเร็จในครั้งแรก

Abstract

การศึกษานี้เป็นการหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย เพื่อศึกษาอิทธิพลของ ค่าการกำจัดครีอะตินิน ประสิทธิภาพการไอ การรับรู้คุณภาพการนอนหลับ และการรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วย ต่อระยะเวลาทดสอบการหายใจเอง ในผู้ป่วยที่หย่าเครื่องช่วยหายใจสำเร็จในครั้งแรก กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยที่เข้ารับ การรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต และหอผู้ป่วยทั่วไป โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จำนวน 100 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบบันทึกข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วย แบบบันทึกค่าการกำจัดครีอะตินิน การรับรู้คุณภาพการ นอนหลับ การรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วย และประสิทธิภาพการไอ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายร้อยละ 57 มีอายุเฉลี่ย 72.06 ปี (S.D. = 15.64) ค่าเฉลี่ยระยะเวลาทดสอบการหายใจเองจนกระทั่งถอดท่อช่วยหายใจสำเร็จเฉลี่ย 96.55 นาที (S.D. = 25.42) และพบว่าค่าการกำจัดครีอะตินิน ประสิทธิภาพการไอ การรับรู้คุณภาพการนอนหลับ และการรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วยร่วมกันทำนายระยะเวลาทดสอบการหายใจเอง ในผู้ป่วยที่หย่าเครื่องช่วยหายใจสำเร็จในครั้งแรกได้ร้อยละ 37.2 (R2 = .372, p < .001) โดยการรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วยทำนายระยะเวลาทดสอบการหายใจเองได้ดีที่สุด (β = .353, p < .01) รองลงมาคือการรับรู้คุณภาพการนอนหลับ (β = -.265, p < .01) ตามลำดับ ส่วนค่าการกำจัดครีอะตินิน และประสิทธิภาพการไอไม่สามารถทำนายระยะเวลาทดสอบการหายใจเอง ในผู้ป่วยที่หย่าเครื่องช่วยหายใจสำเร็จในครั้งแรก ข้อเสนอแนะ พยาบาลควรส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับ ประเมินความพร้อม และให้ข้อมูลความพร้อมของผู้ป่วยในการหย่าเครื่องช่วยหายใจ เพื่อให้ผู้ป่วยมีความพร้อม และมั่นใจในการฝึกหายใจเอง ซึ่งจะส่งเสริมให้หย่าเครื่องช่วยหายใจสำเร็จได้เร็วขึ้น

This correlational predictive study aimed to examine the influence of creatinine clearance, cough effectiveness, perceived sleep quality and perceived severity of illness on duration of spontaneous breathing trial in patients with simple ventilator weaning. The sample consisted of 100 patients who had been admitted in intensive care units and general wards at Phramongkutklao Hospital. The data were collected by using a demographic questionnaire, a creatinine clearance record, a perceived sleep quality scale, a perceived severity of illness scale and a cough effectiveness record. The data were analyzed by using descriptive statistics and multiple regression analysis. The results revealed that more than half of the participants (57%) were male, with an average age of 72.06 years (S.D. = 15.64). The average duration of spontaneous breathing trial was 96.55 minutes (S.D. = 25.42). It was found that creatinine clearance, cough effectiveness, perceived sleep quality and perceived severity of illness jointly predicted the duration of spontaneous breathing trial in patients with simple ventilator weaning for 37.2 % (R2 = .372, p < .001). Perceived severity of illness was found to be the most able to predict duration of spontaneous breathing trial (β = .353, p < .01) followed by perceived sleep quality (β = -.265, p < .01). Creatinine clearance and cough effectiveness did not significantly predict duration of spontaneous breathing trial in patients with simple ventilator weaning. Based on the findings, it is suggested that nurses should promote sleep quality, assess readiness and provide information about weaning readiness which could encourage readiness and confidence in spontaneous breathing trial. This would decrease weaning time.