ปัจจัยที่ส่งผลให้เด็กและเยาวชนในโรงเรียนสตรีระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในเขตกรุงเทพมหานคร ตกเป็นเหยื่อการคุกคามทางเพศทางออนไลน์ : ศึกษาในแนวทางทฤษฎีภาวะปกติวิสัย

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยทางด้านภูมิหลังทางสังคม การใกล้ชิดกับผู้กระทำผิดที่มีแรงจูงใจ การขาดการดูแลสอดส่องหรือให้คำแนะนำจากผู้ปกครองที่ส่งผลให้เด็กและเยาวชนในโรงเรียนสตรีระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในเขตกรุงเทพมหานครตกเป็นเหยื่อการถูกคุกคามทางเพศทางออนไลน์โดยศึกษาในแนวทางทฤษฎีภาวะปกติวิสัย กลุ่มตัวอย่างคือเด็กและเยาวชนในโรงเรียนสตรีระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 388 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ พบว่า เด็กและเยาวชนสตรีที่ตกเป็นเหยื่อการถูกคุกคามทางเพศทางออนไลน์ มีลักษณะดังนี้ เพศหญิง อายุน้อย กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นที่ไม่สูง ผลการเรียนไม่ดี สัมพันธภาพภายในครอบครัวไม่ดี มีการหาเพื่อนใหม่ที่ไม่รู้จักเรื่อย ๆโพสต์ข้อความ รูปภาพ อารมณ์ สถานภาพ กิจวัตรประจำวันของตนเองบ่อยครั้งในหนึ่งวัน ใช้โปรแกรมสนทนาออนไลน์เป็นเวลานาน เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้เป็นสาธารณะ พ่อแม่หรือผู้ปกครองที่ขาดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ขาดการดูแล สอดส่อง ละเลย ไม่อบรมตักเตือนถึงภัยอันตรายจากคนที่รู้จักผ่านการใช้อินเทอร์เน็ตหรือโปรแกรมสนทนาออนไลน์ ดังนั้นพ่อแม่หรือผู้ปกครองควรเพิ่มความเอาใจใส่ สังเกตการใช้อินเทอร์เน็ตของบุตรหลาน ศึกษาหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม พร้อมทั้งสนใจศึกษาหาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต และให้ทัศนคติที่ถูกต้องต่อการหาเพื่อนใหม่ที่ไม่เคยรู้จักผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์ ส่วนสถาบันศึกษา หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ควรมีการให้ความรู้กับพ่อแม่หรือผู้ปกครองที่มีเด็กและเยาวชนในความดูแลถึงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้โปรแกรมสนทนาออนไลน์ รวมทั้งแนวทางในการป้องกันเด็กและเยาวชนจากการถูกคุกคามทางออนไลน์ อีกทั้งควรมีมาตรการในการดูและรักษาความปลอดภัยข้อมูลของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตหรือโปรแกรมสนทนาออนไลน์ รวมทั้งควรมีการบังคับใช้กฎหมายและมีมาตรการในการลงโทษอย่างเด็ดขาดสำหรับกรณีผู้ที่คุกคามผู้อื่นบนอินเทอร์เน็ต

This study was to investigate the social background, the intimacy with motivated offenders and the absence of watching or advising from parents, which affected children and youths in a girl junior high school in Bangkok who were victimized via online sexual harassment through using routine activity theory. The 388 samples were children and youths in a girl junior high school in Bangkok the research uses conducted via questionnaires. The results revealed that the victims of online sexual harassment were characterized as female, underage, studying in the lower educational levels, with poor grades, poor family relations, ongoing seeking of new friends, posting statements, pictures, sensuality, and often posting self-daily routine work in the day, spending a long time on online chats, disclosing private data to the public, parents or guardians not knowing about using the internet, absence of oversight, negligence, not training or warning about unknown people on the internet and using internet or online chat applications. Therefore, parents or guardians should be more attentive to observe the internet use of their children, learning or searching information about how to prevent their improper use of the internet while taking an interest in learning knowledge and understanding about the internet and having a rightful attitude over finding new friends through online chat applications. At the same time, educational institutions, government agencies and media involved should educate parents or guardians, having children and youths under their care, to be aware of the dangers in using online chat applications. This includes protecting them from online harassment, which involved having measures to secure personal data of internet users of online chat applications, while enforcing measures of strict punishment in cases of harassment on the internet.