การมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในการอนุรักษ์คลองลำตะคอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

Abstract

การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกับการอนุรักษ์คลองลำตะคองในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อทดสอบความแตกต่างของปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อศึกษาถึงปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกับการอนุรักษ์คลองลำตะคองในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในเก็บรวบรวมข้อมูล ประชากรกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ (1) ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่สถานประกอบการตั้งติดอยู่บริเวณริมคลองลำตะคองในอำเภอปากช่อง ซึ่ง ประกอบธุรกิจที่พักและร้านอาหาร และกลุ่ม (2) ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวใช้ประโยชน์จากคลองลำตะคอง อำเภอปากช่อง เช่น ธุรกิจนำเที่ยวเดินป่าสำรวจ เป็นต้น และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ โดยใช้ระบบโปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับงานวิจัยทางสังคม (SPSS) ค่าสถิติที่ใช้คือ การแจกแจงความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าสถิติทางการทดสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม (T-test) และ ค่าสถิติการวิเคราะห์ผันแปรทางเดียว (One-Way ANOVA) ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีความแตกต่างกับระดับการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในการอนุรักษ์คลองลำตะคอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พบว่า อายุ กรรมสิทธิ์การถือครองที่ดิน ขนาดของพื้นที่สถานประกอบการ ระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ และการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์คลองลำตะคอง มีผลต่อการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในการอนุรักษ์คลองลำตะคอง แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกับการอนุรักษ์คลองลำตะคองในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ที่สำคัญ ได้แก่ การได้รับข้อมูลข่าวสารการอนุรักษ์คลองลำตะคองผ่านสื่อสังคม (Social Media) และช่องทางต่างๆ การขาดการสนับสนุนและส่งเสริมการอนุรักษ์คลองลำตะคองจากหน่วยงานภาครัฐ ความร่วมมือและการประสานงานระหว่างกลุ่มตัวอย่างในการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน รวมไปถึงมีความรู้ความเข้าใจที่ในส่วนของขั้นตอน วิธีการและผลกระทบต่อการอนุรักษ์คลองลำตะคอง ยังขาดการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานภาครัฐ และกิจกรรมที่ส่งเสริมการอนุรักษ์คลองลำตะคองที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษาคือ ควรศึกษาการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์คลองละตะคองของประชาชนชุมชนเมือง ในพื้นที่บริเวณต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของคลองลำตะคอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ร่วมไปถึงควรศึกษารูปแบบที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการคลองลำตะคองในแต่ละชุมชนและแนวทางการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศคลองลำตะคอง ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและการประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานภาครัฐ และกิจกรรมที่ส่งเสริมการอนุรักษ์คลองลำตะคองที่ชัดเจน และเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่ออนุรักษ์คลองลำตะคอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

The purposes of this research were to study the participation of tourism business entrepreneurs conservation of Lamtakong Canal in Pakchong District, Ratchasima Province in order to test differences between influenced factors as well as exploring problems and obstacles including the directions to promote tourism business entrepreneurs in that area. Data for the quantitative research was collected through questionnaires among targeted group members comprised of (1) tourism entrepreneurs providing accommodations and operating restaurants in Lumtakong Canal area whereas (2) tourism entrepreneurs who benefited from Lumtakong Canal such as forest trekking. Acquired data was analyzed with SPSS computer program for statistical applications of Frequency, Percentage, Mean and Standard Deviation, including T-test and One-Way ANOVA. The findings regarding different factors and participation levels of tourism business entrepreneurs mainly on age, land occupation rights, size of business place, duration of business and perceived news on Lamtakong Canal conservation. These factors affected the participation of business entrepreneurs in said area, having astatistically significant difference of 0.05. Problems and obstacles involved with accessing information through social media and other channels, with no support and promotion of conservation projects at Lumtakong Canal, and less collaboration among group members, including lack of knowledge and understanding in conservation methods and impacts from nonparticipation and not enough publicity from the state agencies with concrete continuous and active support. This research recommends more study on the head water, middle and end water of Lumtakong Canal in Pakchong District as well as finding appropriate solution to solve management problem, including seeking government support in forming network of business entrepreneurs and arranging Lumtakong Canal conservation activities more concrete and active on continuous basis.