ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคเท้าช้างในผู้อพยพชาวเมียนมาร์ จังหวัดสมุทรสาคร

dc.contributor.authorธนพร ตู้ทองen_US
dc.contributor.authorมธุรส ทิพยมงคลกุลen_US
dc.contributor.authorนวรัตน์ สุวรรณผ่องen_US
dc.contributor.authorสราวุธ สุวัณณทัพพะen_US
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยมหิดล. คณะสาธารณสุขศาสตร์. ภาควิชาบริหารงานสาธารณสุข.en_US
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยมหิดล. คณะสาธารณสุขศาสตร์. ภาควิชาระบาดวิทยาen_US
dc.date.accessioned2015-10-19T02:41:31Z
dc.date.accessioned2021-09-15T16:06:19Z
dc.date.available2015-10-19T02:41:31Z
dc.date.available2021-09-15T16:06:19Z
dc.date.created2558-10-09
dc.date.issued2558
dc.descriptionการประชุมวิชาการสาธารณสุขแห่งชาติ ครั้งที่ 15 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล การสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21: มุมมองอนาคต และการจัดการเชิงระบบ: Public health and environment in the 21st Century: evidence-based global health, วันที่ 20-21 สิงหาคม 2558 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ. กรุงเทพฯ: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2558. หน้า 37.en
dc.description.abstractภูมิหลัง: โรคเท้าช้างเป็นโรคที่เกิดจากพยาธิตัวกลม มียุงเป็นพาหะนำโรค จากการสำรวจโรคเท้าช้างในแรงงานต่างชาติ พบว่าแรงงานเมียนมาร์ มีการติดเชื้อโรคเท้าช้างสูงสุด โดยผู้ติดเชื้อโรคเท้าช้างร้อยละ 88.0 จะไม่แสดงอาการ ทำให้มีโอกาสนำเชื้อโรคเท้าช้างสายพันธุ์เมียนมาร์เข้ามาแพร่สู่คนในชุมชน หากไม่มีการป้องกัน ดังนั้นพฤติกรรมการป้องกันตนเองของผู้อพยพชาวเมียนมาร์จึงมีความสำคัญที่จะป้องกันการแพร่กระจายโรคเท้าช้างอาจกลับมาเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศอีก วัตถุประสงค์: เพื่อวัดระดับพฤติกรรมการป้องกันและค้นหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคเท้าช้างในผู้อพยพชาวเมียนมาร์ จังหวัดสมุทรสาคร วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาภาคตัดขวางที่ใช้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างสัมภาษณ์ผู้อพยพชาวเมียนมาร์อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาครโดยสุ่มตัวอย่างแบบ two-stage stratified cluster sampling และ probability proportion to size (PPS) ได้กลุ่มตัวอย่าง ทั้งหมด 939 ราย ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 96.9 มีพฤติกรรมการป้องกันอยู่ในระดับที่ควรปรับปรุง ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกัน ได้แก่ อายุโดยพบว่าอายุ < 20 ปี มีคะแนนพฤติกรรมป้องกันต่ำที่สุด (B = -2.227, p<0.001) ลักษณะงาน โดยพบว่าผู้ที่มีงานรายวันมีคะแนนพฤติกรรมสูงกว่าผู้ที่ว่างงาน (B = 1.596, p<0.001) และการรับรู้ประโยชน์ที่จะได้รับมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับพฤติกรรมการป้องกันด้วย (B = 0.216, p = 0.010) สรุปผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้เรื่องการติดต่อและการป้องกันโรค ฉะนั้นควรเพิ่มการรับรู้ประโยชน์ในการป้องกันตนเองให้ผู้อพยพชาวเมียนมาร์ เพื่อให้เกิดพฤติกรรมการป้องกันยุงและการทำลายแหล่งพันธุ์ยุงโดยเฉพาะในกลุ่มว่างงานen_US
dc.identifier.urihttps://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/63561
dc.language.isothaen_US
dc.rightsมหาวิทยาลัยมหิดลen_US
dc.subjectผู้อพยพชาวเมียนมาร์en_US
dc.subjectพฤติกรรมการป้องกันen_US
dc.subjectโรคเท้าช้างen_US
dc.titleปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคเท้าช้างในผู้อพยพชาวเมียนมาร์ จังหวัดสมุทรสาครen_US
dc.typeProceeding Posteren_US

Files

License bundle

Now showing 1 - 1 of 1
No Thumbnail Available
Name:
license.txt
Size:
1.71 KB
Format:
Plain Text
Description: