ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิเสธยาเสพติดของนักเรียนอาชีวศึกษาภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานคร

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบระดับความรู้และทักษะการปฏิเสธยาเสพติดของ นักเรียนอาชีวศึกษาภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานครและศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการปฏิเสธยาเสพติดของนักเรียนอาชีวศึกษาภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามกับนักเรียนนักศึกษาอาชีวศึกษาที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยสถานศึกษาเข้าร่วมโครงการสถานศึกษาสีขาวหรือโครงการ To Be Number One จำนวน 400 คน และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติการแจงค่าความถี่ ค่าอัตราส่วนร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เปรียบเทียบ (Independent t-test และ One way ANOVA) และการวิเคราะห์ถดถอยพหุแบบเชิงชั้น (Multiple regression analysis) ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนอาชีวศึกษาที่ระดับชั้นแตกต่างกันจะมีระดับความรู้และทักษะในการปฏิเสธยาเสพติดแตกต่างกัน และการศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการปฏิเสธยาเสพติดของนักเรียนอาชีวศึกษาภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานครพบว่า ปัจจัยด้านการควบคุมตนเองมีความสัมพันธ์กับการปฏิเสธยาเสพติดของนักเรียนอาชีวศึกษาภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และปัจจัยด้านกาควบคุม ตนเองสามารถทำนายความสำเร็จในการปฏิเสธยาเสพติดของนักเรียนอาชีวศึกษาภาครัฐในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ร้อยละ 11.6 ดังนั้นควรส่งเสริมให้สถานศึกษาเข้าร่วมโครงการสถานศึกษาสีขาวและหรือโครงการ To Be Number One เนื่องจากผลการศึกษาพบว่าโรงเรียนอาชีวศึกษาภาครัฐที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวมีส่วนช่วยให้นักเรียนอาชีวศึกษามีความรู้และมีทักษะในการปฏิเสธยาเสพติดในระดับมาก อีกทั้งควรส่งเสริมการควบคุมตนเองของนักเรียนอาชีวศึกษาให้มีความเข้มแข็ง เพื่อให้นักเรียนอาชีวศึกษามีทักษะในการปฏิเสธยาเสพติดสามารถที่จะคิดไตร่ตรองถึงผลดีผลเสียของยาเสพติดและอดทนอดกลั้นต่อคำชักชวนให้ทดลองยาเสพติด ซึ่งจะทำให้นักเรียนมีภูมิคุ้มกันที่ดีในเรื่องยาเสพติด และควรสนับสนุนให้นักเรียนอาชีวศึกษาต่างระดับชั้นได้แลกเปลี่ยนความรู้ใน เรื่องยาเสพติดและทักษะในการปฏิเสธยาเสพติด ในรูปแบบพี่สอนน้องเนื่องจากทักษะในการปฏิเสธยาเสพติดของนักเรียนส่วนหนึ่งเกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ และเพิ่มขึ้นตามระดับการศึกษา

This research aimed to study and compare the level of rejection of narcotics among public sector vocational students in the Bangkok Metropolitan Area as well as exploring factors affecting the rejection of narcotics among the same group of students. The study deployed quantitative research, distributing questionnaires to 400 vocational students working toward vocational diplomas (Lower Certificate) in drugfree institutions (in the To Be Number One campaign.) Data were analyzed with the statistical methods such as frequency distribution, percentage, mathematical mean, standard deviation, independent t-test and One-way ANOVA, including multiple regression analysis. The findings suggest that different vocational students in different class levels had a different level of knowledge and skills in rejecting narcotics; and, the study of factors affecting narcotics also reveals student'™s self-control related to the rejection of narcotics, has the statistical significance of 0.05, and self-control could predict the success in the rejection of vocational students in Bangkok Metropolitan Area by 11.6 percent. Therefore, the promotion of activities should be arranged for the educational institutions that participate in the drug-free program, or To Be Number One campaign, to assist the students to gain knowledge of such matters. According to the study'™s outcome, the public vocational school participating in the campaign had helped the students to gain knowledge and skills to reject narcotics at a high level. In addition, students should be encouraged to have a strong will against narcotics, seeing the danger and effect of narcotics, so they cannot easily be persuaded to use narcotics; this is considered to be the best immunity against narcotics. Moreover, other levels of vocational students should be encouraged to share knowledge of narcotics and skills in rejecting narcotics, with the older teaching the younger generation, because part of the student's skills derives from experiences, learning, and accumulation of knowledge through learning.