ความแปลกแยกของชาวนาและอำนาจรัฐทุนนิยม

Abstract

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะความแปลกแยกของชาวนา และความสัมพันธ์ระหว่างความแปลกแยกของชาวนาและอำนาจรัฐทุนนิยม โดยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ การสัมภาษณ์เชิงลึกชาวนาภาคกลางที่ทำนาเป็นอาชีพหลัก เน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายและมีการเช่าที่ดินทำนา ซึ่งมีสภาวะของความแปลกแยกจำนวน 9 คน ผลการศึกษา พบว่า ก. ชาวนาในพื้นที่ทำการศึกษามีลักษณะความแปลกแยก 5 มิติ ได้แก่ (1) ความแปลกแยกจากการผลิต เช่น การไร้สัญญาเช่าที่ดินและไร้ความมั่นคงในอาชีพ การถูกฉวยโอกาสขึ้นค่าเช่าที่ดินการถูกหลอกให้ทำนาบนที่ดินซึ่งขาดการปรับปรุงคุณภาพ การที่ต้องแบกรับภาระจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นการขายข้าวที่ต้องถูกกดราคา และการเป็นหนี้สินมากขึ้น และถูกบีบให้ต้องส่งเงินคืน (2) ความแปลกแยกจากผลผลิต เช่น การไร้อำนาจตัดสินใจเลือกพันธุ์ข้าวปลูกไม่สามารถกำหนดมูลค่าข้าวของตนเองได้ และเงินจากการขายข้าวต้องใช้หนี้สิน (3) ความแปลกแยกจากคนอื่นๆ เช่น ชาวนารวยมีที่ดินชีวิตดีกว่าชาวนาไร้ที่ดิน และการถูกเอาเปรียบจากการขึ้นทะเบียนรับค่าชดเชย (4) ความแปลกแยกจากตนเอง เช่น การรู้สึกว่าชีวิตหมดคุณค่า และคำพูดไร้ความหมาย และ (5) ความผิดปกติของร่างกายและจิตใจ เช่น ความเครียด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเกิดผื่นคันที่ผิวหนัง เป็นต้น ข. ลักษณะความแปลกแยกของชาวนามีความสัมพันธ์กับอำนาจรัฐทุนนิยม โดยรัฐกลายเป็นเครื่องมือที่เอื้อประโยชน์ให้นายทุน กลุ่มต่างๆ ประกอบด้วย เจ้าของที่ดิน พ่อค้า โรงสี และสถาบันการเงินในการเอาเปรียบ และขูดรีดชาวนาและสร้างความแปลกแยกให้กับชาวนาผ่านกลไกของ (1) นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่เอื้อประโยชน์ต่อนายทุนเจ้าของที่ดิน พ่อค้า และโรงสี กระทำการขูดรีดเอาเปรียบชาวนาผ่านการกำหนดราคาค่าเช่าที่ดินอย่างฉวยโอกาสและไม่เป็นธรรม การกำหนดราคาวัตถุปัจจัยการผลิตแพงขึ้น การกดราคาข้าวและกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่แพง และการสร้างวงเวียนหนี้ (2) นโยบายด้านการขายข้าวที่เอื้อประโยชน์ให้กับพ่อค้าข้าวและโรงสีที่กระทำการขูดรีดและกดราคาข้าวของชาวนา และ (3) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มุ่งหวังกำไรโดยขูดรีดชาวนาผ่านวงจรของการเป็นหนี้สิน ซึ่งนำไปสู่การสร้างความแปลกแยกให้ชาวนาในรูปแบบต่างๆ

The study aimed at investigating the characteristics of the peasants' alienation and the relationship between their alienation and the capitalist state power. This was qualitative research that employed interview conducted with 9 peasants a focus the paddy field concentration focusing on the production for distribution but with rented lands having alienation conditions. The results revealed that A: The peasants in the study met five (5) dimensions of alienation, ; (1) alienation from production; absence of rent contract, career instability, advantages taken on rising rent fees, deception of cultivation on the undeveloped lands, burdening the price surge of the raw materials, price cut selling, rising debts and pressure of debt repayment; (2) alienation from products, for example powerless to choose the paddy seeds, disability to fix paddy price and using the money from selling to repay the debt; (3) alienations from others, the rich peasants with lands had better quality of life than the peasants without lands, and advantages taken from compensation registration; (4) alienation from oneself, included feeling that life had no values, and words were meaningless; and (5) physical and mental anomaly, for instance stress, myopathy and skin rash. B: the peasants' alienation had relationship with the state capitalist power in that the state became the special tool facilitating gains to the various capitalist groups comprising of landowners, merchants, mills and financial institutions that took advantageof the peasants on (1)the government policy of paddy pawning which facilitated gains for the capitalist land owners, merchants and mills to fix disadvantageous and unfair land rent rate, rising the prices of production materials, pressuring paddy prices, and fixing high interest rate and creating the debt cycle of life. (2) The government policy on selling paddy facilitated rice merchants and mills to exploit and pressure paddy price. (3) The Bank of Agriculture and Agricultural Cooperatives a financial institution gearing gains extorted peasants through the debt cycle of life which led to various alienations among peasants.