ความตั้งใจออกจากวิชาชีพของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร

Abstract

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่างคุณลักษณะส่วนบุคคล คุณลักษณะขององค์การ ความเครียดในงาน และความพึงพอใจในงานกับ ความตั้งใจออกจากวิชาชีพของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร กลุ่ม ตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพสังกัดสำนักการแพทย์จำนวน 295 คน โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม แบบสอบถามที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลมีจำนวน 277 ชุด คิดเป็น ร้อยละ 93.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์ ถดถอยเชิงพหุ ผลการวิจัย พบว่า อายุ ประสบการณ์ทำงานพยาบาล ระยะเวลาการอนุญาตหยุดพักผ่อนใน โรงพยาบาลมีความสัมพันธ์ทางลบระดับต่ำกับความตั้งใจออกจากวิชาชีพ ความเครียดในงานมี ความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจออกจากวิชาชีพ(r = 0.119,p-value=0.047) ความพึงพอใจในงานมี ความสัมพันธ์ทางลบกับความตั้งใจออกจากวิชาชีพ(r = -0.461,p-value < 0.001) ความเครียดในงานและ ความพึงพอใจในงานของพยาบาลวิชาชีพสามารถร่วมอธิบายความผันแปรความตั้งใจออกจากวิชาชีพของ พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานครได้ร้อยละ 22.40 (Adjusted R2 =0.224) ผลการวิจัยครั้งนี้ผู้บริหารน่าจะกำหนดแนวทางหรือส่งเสริมให้พยาบาลวิชาชีพมีโอกาส พัฒนาตนเองด้านทักษะการทำงาน เรียนรู้วิธีการทำงานใหม่ๆ การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การกำหนด นโยบายในงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่งเสริมให้หัวหน้างานมีสัมพันธภาพที่ดีกับพยาบาลวิชาชีพระดับ ปฏิบัติการ รวมทั้งกำหนดบทบาทหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลในการปฏิบัติงานของพยาบาล วิชาชีพระดับปฏิบัติการ

This research was a quantitative research study designed to analyze the association between the personal characteristics, organization characteristics, job stress issues, and job satisfaction with intention to leave professional nursing. The sample group was composed of 295 professional nurses from Bangkok Metropolitan Administration hospitals. Random sampling was selected to collect data. The instrument used for data collection was a questionnaire. 277 (93.89%) questionnaires were completed and used for data analysis. Data were analyzed through the application of descriptive statistics with Pearson's product moment correlation coefficient and mutiple regression analysis. Results found that age, work experience of nurses, break periods during working hours at the hospital had a low level negative association with intention to leave the nursing career. Job stress had a positive association with intention to leave (r=0.119, p-value=0.047). Job satisfaction had a negative association with intention to leave(r=-0.461, p-value < 0.001). Job stress and job satisfaction of professional nurses could explain the varianceof 22.40% (Adjusted R2=0.224) of intention to leave professional nursing in Bangkok Metropolitan Administration hospitals. According to this research, administrators should set guidelines or provide professional nurses with opportunities to develop themselves in terms of working skills, learn new ways of performing tasks, participate in decision making and setting policies that affect their work performance, encourage the chiefs to have good relationships with professional nurses at the operation level, and establish roles to support the work of professional nurses at the operational level.