ผลกระทบเชิงอาชญากรรมจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนิสิตหญิงมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
Issued Date
2559
Copyright Date
2559
Resource Type
Language
tha
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
ก-ฎ, 229 แผ่น
Access Rights
open access
Rights
ผลงานนี้เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ขอสงวนไว้สำหรับเพื่อการศึกษาเท่านั้น ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า
Rights Holder(s)
มหาวิทยาลัยมหิดล
Bibliographic Citation
วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (อาชญาวิทยาและงานยุติธรรม))--มหาวิทยาลัยมหิดล, 2559
Suggested Citation
ตุลญา โรจน์ทังคำ ผลกระทบเชิงอาชญากรรมจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนิสิตหญิงมหาวิทยาลัยมหาสารคาม. วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (อาชญาวิทยาและงานยุติธรรม))--มหาวิทยาลัยมหิดล, 2559. สืบค้นจาก: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/92803
Title
ผลกระทบเชิงอาชญากรรมจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนิสิตหญิงมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
Alternative Title(s)
Criminal impacts of alcohol drinking on female students at Mahasarkham University
Author(s)
Advisor(s)
Abstract
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ผลกระทบเชิงอาชญากรรมจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนิสิตหญิงมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นการศึกษาวิจัย แบบเชิงผสมผสานโดยใช้แนวทางการวิจัยเชิงปริมาณเป็นตัวขับเคลื่อนและเสริมแรงด้วยวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ สำหรับเหตุ ปัจจัยหรือตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย อายุ เกรดเฉลี่ย รายได้ต่อเดือน ค่าใช้จ่ายต่อเดือน อายุเริ่มต้นของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลักษณะที่พักอาศัย สภาพแวดล้อมบริเวณที่พักอาศัย สถานภาพความเป็นครอบครัว ส่วนปัจจัยเชิงสาเหตุ ประกอบด้วย ด้านครอบครัว ด้านสังคมและด้านบุคลิกภาพ พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และประสบการณ์ในการเกิดอาชญากรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนิสิตหญิงมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่กำลังศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีในแต่ละคณะ รวมทั้งสิ้น 431 คน ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้างจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 20 คน วิเคราะห์ด้วย สถิติเชิงพรรณนา ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอ้างอิง ด้วยค่าการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) สถิติการทดสอบที (Independent Sample t-Test) สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation) และทำการเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe' Test ) กำหนดค่านัยสำคัญ 0.05 ในการทดสอบสมมติฐาน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1) ด้านข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีร้อยละ 51.5 อายุระหว่าง 18-21 ปี ศึกษาชั้นปีที่ 3 มีเกรดเฉลี่ย อยู่ในระดับพอใช้ มีรายได้ต่อเดือนอยู่ในระหว่าง 5,000-10,000 บาทจากบิดามารดา และมีค่าใช้จ่ายต่อเดือน อยู่ระหว่าง 5,000-10,000 บาท ส่วนใหญ่จะเช่าที่พักอยู่คนเดียว อยู่ในละแวกเดียวหรือใกล้กับร้านนั่งดื่ม/ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สถานภาพของบิดามารดาส่วนใหญ่อยู่ด้วยกันและมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อนสนิทส่วนใหญ่เป็นที่เป็นผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งแรกช่วงอายุ 18 ปี อายุเฉลี่ยการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งแรกที่ อายุ 17.4 ปี 2) ปัจจัยเชิงสาเหตุในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยภาพรวมทั้ง 3 ด้านคือ ด้านครอบครัว ด้านสังคมและด้านบุคลิกภาพ มีระดับความสัมพันธ์/พฤติกรรมอยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 3.41) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (0.96) 3) ปัจจัยที่สัมพันธ์กับผลกระทบเชิงอาชญากรรม ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ในส่วนของอายุ (t = 5.376) รายได้ต่อเดือน (t = 4.278) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ส่วนปัจจัยเชิงสาเหตุ คือ ปัจจัยด้านสังคม ในประเด็นการคบค้าสมาคมกับเพื่อนที่ดื่มและอิทธิพลของกลุ่มเพื่อน มีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับค่อนข้างต่ำ (r = 0.218) และประเด็นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางการตลาด มีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับค่อนข้างต่ำ (r = 0.193) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 นอกจากนี้ ในด้านพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า นิสิตหญิงที่มีความแตกต่างกันในการใช้เวลาในการดื่มแต่ละครั้ง (F = 3.519) ปริมาณในการดื่มแต่ละครั้ง (F = 2.125) และโอกาสในการดื่มต่อครั้ง (F = 4.825) ได้รับผลกระทบเชิงอาชญากรรมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 จากข้อมูลสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนิสิตหญิงในบางส่วนก่อให้เกิดผลกระทบเชิงอาชญากรรม โดยส่งผลกระทบในเชิงที่นิสิตหญิงเป็นผู้กระทำผิดเองจะเป็นอาชญากรรมชนิดเบา คือ การทะเลาะวิวาทตบตี ส่วนผลกระทบในเชิงที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม พบว่าส่วนใหญ่เป็นการถูกลวนลามทางเพศ หรือกระทำการมิควรทางเพศ เช่น ถูกลวนลาม ลูบคลำ กระทำต่อเนื้อตัวร่างกาย และมีการถูกล่วงละเมิดทางเพศในขณะที่ ไม่ได้สติอันเกิดจากการมึนเมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนหนึ่ง ส่งผลให้มีการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ บางส่วนมีการไปทำแท้งเถื่อน มีเพียงบางรายที่หาช่องทางเลือกด้วยการพักการศึกษาและไปคลอดบุตรและให้ครอบครัวตนเลี้ยงดูและกลับมาศึกษาต่อใหม่ 4) ข้อเสนอแนะจากการวิจัย สถานศึกษา ชุมชน ควรร่วมมือกันจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ตระหนักถึงพิษภัยของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควรบรรจุวิชาที่เกี่ยวกับผลกระทบของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือมีการบูรณาการร่วมในการเรียนการสอนด้วย และภาครัฐรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปฏิบัติตามนโยบายที่ออกมาอย่างเคร่งครัดและจริงจังในการควบคุม แก้ไข ป้องกันการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา
This study aimed to investigate the criminal impact of alcohol drinking on female students at Mahasarkham University. This was a qualitative and quantitative mixed-method research whose variables included personal factors such as age, grade-point average (GPA), monthly income, cost per month, age of initiation into drinking alcohol, housing characteristics, together with environment and family status. In addition, causal factors consistented of family, socialization, personality, drinking behaviors and criminal experience. The samples of this study were 431 female students of Mahasarkham University drawn from all of the faculties who were studying for their first degree. The collection of data was done by a questionaire and in-depth interviews with a sample of 20 people. The data obtained were analyzed by descriptive statistics, frequency, percentage, average, standard deviation, and reference statistics with the One-Way ANOVA, Independent Sample t-Test, and Pearson Product Moment Correlation for testing. The double comparison with the Scheffe Test was set up to determine the level of significance at 0.05 in hypothesis testing. The research results showed that: 1) 51.5 percent of the participants who drink alcohol are aged between 18-21 years, are in their third year of studies with a fair grade-point average (GPA), with a monthly income from parents of between 5,000-10,000 baht. It costs them between 5,000-10,000 baht per month for rental accommodation a short distance away from alcohol-selling stores. Most had parents who drink alcohol, most had close friends who drank alcohol, started drinking alcohol at age of 18 years, and the average for first time drinking was at the age of 17.40 years. 2) There were three causal factors for drinking alcohol, such as family, socialization and personality. The level of relationship and behavior were moderate with an average of 3.41 and a standard deviation of 0.96 3) Factors that were significantly related to criminal impact were personal factors in terms of age (t = 5.376) and income (t = 4.278) at 0.05. The causal factors were socialization in the case of persuasion by friends who drank, and the influence of groups. These had a relatively low positive correlation (r = 0.218) with 0.05 level of significance. In addition to the recognition and influence from marketing information there was a relatively low positive correlation (r = 0.193) with 0.05 level of significance. However, alcohol-drinking behavior was found to be different for female students in amount of time spent drinking (F=3.519), drinking quantity (F2.125), and chances for drinking (F=4.825), including the differences in criminal impact with 0.05 level of significance. Moreover, the data from interviews revealed that drinking alcohol by the female students was a cause and had an impact on crime. The crime was quarrelling and fighting among themselves. In the case of heavy crime, it did not appear popular among female students. The impact in terms of crime victims of alcohol drinking, the study found that most of them were sexually abused or sexual harassed while unconscious because of intoxication. From these acts, unwanted pregnancy and abortions were reported, but very few gave birth to the child with their family. 4) The study suggested that the University and the community should cooperate in creating awareness of the effects of drinking alcohol. The government and the concerned sections should establish criteria for the implementation of the entertainment law to control, correct, and stop alcohol sales by stores surrounding the University.
This study aimed to investigate the criminal impact of alcohol drinking on female students at Mahasarkham University. This was a qualitative and quantitative mixed-method research whose variables included personal factors such as age, grade-point average (GPA), monthly income, cost per month, age of initiation into drinking alcohol, housing characteristics, together with environment and family status. In addition, causal factors consistented of family, socialization, personality, drinking behaviors and criminal experience. The samples of this study were 431 female students of Mahasarkham University drawn from all of the faculties who were studying for their first degree. The collection of data was done by a questionaire and in-depth interviews with a sample of 20 people. The data obtained were analyzed by descriptive statistics, frequency, percentage, average, standard deviation, and reference statistics with the One-Way ANOVA, Independent Sample t-Test, and Pearson Product Moment Correlation for testing. The double comparison with the Scheffe Test was set up to determine the level of significance at 0.05 in hypothesis testing. The research results showed that: 1) 51.5 percent of the participants who drink alcohol are aged between 18-21 years, are in their third year of studies with a fair grade-point average (GPA), with a monthly income from parents of between 5,000-10,000 baht. It costs them between 5,000-10,000 baht per month for rental accommodation a short distance away from alcohol-selling stores. Most had parents who drink alcohol, most had close friends who drank alcohol, started drinking alcohol at age of 18 years, and the average for first time drinking was at the age of 17.40 years. 2) There were three causal factors for drinking alcohol, such as family, socialization and personality. The level of relationship and behavior were moderate with an average of 3.41 and a standard deviation of 0.96 3) Factors that were significantly related to criminal impact were personal factors in terms of age (t = 5.376) and income (t = 4.278) at 0.05. The causal factors were socialization in the case of persuasion by friends who drank, and the influence of groups. These had a relatively low positive correlation (r = 0.218) with 0.05 level of significance. In addition to the recognition and influence from marketing information there was a relatively low positive correlation (r = 0.193) with 0.05 level of significance. However, alcohol-drinking behavior was found to be different for female students in amount of time spent drinking (F=3.519), drinking quantity (F2.125), and chances for drinking (F=4.825), including the differences in criminal impact with 0.05 level of significance. Moreover, the data from interviews revealed that drinking alcohol by the female students was a cause and had an impact on crime. The crime was quarrelling and fighting among themselves. In the case of heavy crime, it did not appear popular among female students. The impact in terms of crime victims of alcohol drinking, the study found that most of them were sexually abused or sexual harassed while unconscious because of intoxication. From these acts, unwanted pregnancy and abortions were reported, but very few gave birth to the child with their family. 4) The study suggested that the University and the community should cooperate in creating awareness of the effects of drinking alcohol. The government and the concerned sections should establish criteria for the implementation of the entertainment law to control, correct, and stop alcohol sales by stores surrounding the University.
Description
อาชญาวิทยาและงานยุติธรรม (มหาวิทยาลัยมหิดล 2559)
Degree Name
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Degree Level
ปริญญาโท
Degree Department
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
Degree Discipline
อาชญาวิทยาและงานยุติธรรม
Degree Grantor(s)
มหาวิทยาลัยมหิดล
