ความตั้งใจคงอยู่ในอาชีพ ของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลชุมชน เขต 1 ภาคกลาง ประเทศไทย

Abstract

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงอรรถธิบายแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความ ตั้งใจคงอยู่ในอาชีพของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลชุมชน เขต 1 ภาคกลาง เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถามประกอบด้วย ความตั้งใจคงอยู่ในอาชีพ ความพึงพอใจในงานและคุณลักษณะส่วนบุคคล จำนวน 53 ข้อ กลุ่มตัวอย่างคือ พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลชุมชน เขต 1 ภาคกลางที่มีอายุงาน 1 ปีขึ้นไป สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วน แบบสอบถามที่ใช้วิเคราะห์จำนวน 436 ชุด คิดเป็นร้อยละ 90.83 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สันและการวิเคราะห์ ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ความตั้งใจคงอยู่ในอาชีพและความพึงพอใจในงานอยู่ในระดับปานกลาง อายุและความพึงพอใจในงานในภาพรวมมีความความสัมพันธ์ทางบวกกับความตั้งใจคงอยู่ในอาชีพใน ระดับต่ำมาก (r = 0.101 และ 0.129 p-value < 0.05 ตามลำดับ) ความพึงพอใจในงานด้านค่าตอบแทน โอกาสการเติบโตทางอาชีพ และเงื่อนไขการทำงานสามารถร่วมกันอธิบายความผันแปรของความตั้งใจ คงอยู่ในอาชีพได้ร้อยละ 12.60 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Adjusted R2 = 0.126, p-value < 0.001) จากผลการวิจัยผู้บริหารทางการพยาบาลในเขต 1ควรจัดทำแผนการประเมินผลงานของ พยาบาลวิชาชีพให้เหมาะกับภาระงานที่ทำ แผนส่งเสริมโอกาสเติบโตทางอาชีพ และวิเคราะห์กระบวนงาน เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน

This research was a cross-sectional explanatory study with the main objective to survey the intentions of staying in the occupation of registered nurses at a community hospital in region 1: central, Thailand. The research tool was a questionnaire consisting of questions about intention to stay in the occupation, job satisfaction and personal characteristics totalling 53 items. The sample group comprised of registered nurses in a community hospital with one year of service. Random sampling used the proportional stratified random sampling method. In all, 436 questionnaires (90.83%) were used to analyze data. All data were analyzed by descriptive statistics, Pearson's correlation coefficient and multiple regression analysis. The results showed that the intention to stay in occupation and overall job satisfaction was at a moderate level. Age and overall job satisfaction were positively associated with the intentions to stay in occupation at a very low level (r = 0.101 and 0.129 p-value <0.05). Satisfaction with pay, promotion and operating conditions could explain 12.6% of the variance in the intention to stay in occupation (R2Adjust = 0.126, p-value < 0.001). According to the results, administrators should provide remuneration appropriate to the workload. Professional growth opportunities should be promoted and analyses should be conducted to reduce nurses workload, thus increasing job satisfaction and retaining registered nurses in community hospitals in the nursing occupation longer.