A study of the reationship between psychological capital and study strategies of upper secondary school in Bangkok

Abstract

This survey research purposes to study the relationship between Psychological Capital and Study Strategies in upper secondary school in Bangkok, for 453 people. The research uses three instruments: Personal Information Questions, Thai Psychological Capital Inventories, and the last is the study strategies questionnaire. The study showed the Psychological Capital has a positive effect on study strategies at a low level with statistical significance at 0.01. and Hope and Optimism were able to predict Study Strategies in the sample at 16.5%, correlation coefficient of 0.406 and predict a standard deviation of ±0.338 The recommendation for future study is to take other Psychosocial factors to prove other factors affect Study strategies. This research advises a method for developing Study strategies in upper secondary students using hope and optimism, two factors that can improve study strategies.

การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของต้นทุนทางจิตวิทยากับพฤติกรรมการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 453 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม 3 ชุด ได้แก่แบบสอบถามข้อมูลส่วนตัว แบบสอบถามต้นทุนทางจิตวิทยาสาหรับคนไทย และแบบสอบถามพฤติกรรมการเรียนสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผลการศึกษาพบว่า ต้นทุนทางจิตวิทยาโดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการเรียนในระดับต่ำ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และปัจจัยด้านความหวังและการมองโลกในแง่ดี เป็นปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มตัวอย่างได้ร้อยละ 16.5 มีค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์เป็น 0.406 ความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการทำนายเท่ากับ ± 0.338 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป คือการนำปัจจัยด้านอื่น ๆ ทางด้านจิตสังคมมาศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาว่าปัจจัยนั้นมีผลต่อพฤติกรรมการเรียนอย่างไร และจากการศึกษาครั้งนี้นามาซึ่งแนวทางในการพัฒนาพฤติกรรมการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโดยการใช้ความหวังและการมองโลกในแง่ดีเป็นตัวช่วยในการพัฒนาพฤติกรรมการเรียน