กระบวนการดำเนินงานเพศศึกษาที่มีประสิทธิผลในโรงเรียนที่มีปฏิบัติการที่ดีในจังหวัดสมุทรสาคร

Abstract

การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) เพื่อศึกษาประสิทธิผลการ ดำเนินงานเพศศึกษา ในโรงเรียนที่มีปฏิบัติการที่ดี ในจังหวัดสมุทรสาคร ตามแนวคิดเรื่องการพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบ ซึ่งแบ่งเป็น 4 ด้านคือ ด้านบริหารจัดการในโรงเรียน ด้านการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียน ด้านกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพศศึกษานอกหลักสูตร และด้านความสัมพันธ์กับชุมชน เก็บรวบรวมข้อมูลในโรงเรียนมัธยมขยายโอกาสทางการศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดสมุทรสาครจำนวน 5 โรงเรียนโดยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้าง(Structural In-depth Interview)นำมาสรุปตีความ ด้วยการวิเคราะห์แบบ อุปนัย (Analytic Induction) ผลการวิจัยพบว่าโรงเรียนจำนวนหนึ่งมีการดำเนินงานเพศศึกษาในโรงเรียนที่ดีโดยใช้กระบวนการ WSA โรงเรียนที่เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในแต่ละกระบวนการ ตั้งแต่กระบวนการร่วมคิด วางแผน ดำเนินการ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไข ในทุกขั้นตอนของการดำเนินงานจะมีการดำเนินงานด้านเพศศึกษาในเกณฑ์ดี ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการดำเนินงานเพศศึกษาในโรงเรียนได้แก่ การกำหนดนโยบายหรือแผนงาน หลักของโรงเรียน การพัฒนาครูผู้สอน หลักสูตรการสอนเพศศึกษาที่มีความทันสมัย การจัดกิจกรรมเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมและการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ปกครอง/ชุมชนรอบโรงเรียน การยกระดับการดำเนินงานเพศศึกษาในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ ต้องพัฒนาศักยภาพและแนวคิดของผู้บริหารรวมทั้ง ปรับปรุงหลักสูตรหรือกระบวนการเรียนการสอนเพศศึกษาให้มีความคล่องตัว การวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า ควรกำหนดให้เรื่องเพศศึกษาเป็นตัวชี้วัดหลักของผู้บริหารโรงเรียน โรงเรียนต้องมีมาตรการร่วมกับผู้ปกครองและองค์กรชุมชนในพื้นที่ในการจัดการเรื่องเพศศึกษา และควรแยกเรื่องการสอนเพศศึกษาออกจากสาระวิชาสุขศึกษา เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้และรับรู้ของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

This study used qualitative research to study the effectiveness of sex education in the good practice schools in Samut Sakhon province. Based on Whole School Approach (WSA), it was divided into 4 core themes: management in schools, teaching and learning sex education approaches in schools, extra curricular activities, and the relationships between school, home and the community. Data was collected from 5 school in the expanding opportunities school for education and a secondary school in Samut Sakhon province, using a structured in-depth interview as the tool. Data was interpreted and concluded by induction analytics. The study found that the sex education processes used the WSA in some of schools. The schools that seriously participated and focused on the process had a good level of sex education. They joined the planning, implementation, evaluation and revision at all stages of the operation. The effectiveness factors of sex education in schools included the policy or plan of the school, increasing the knowledge of teachers, the modernization of sex education, learning extra-curricular, the participation of students and by building relationships with parents and/or the community. To enhance the operational efficiency of sex education in schools was by developing the executive concepts of managers, updating the curriculum or by flexibility in the process of sex education. The research recommendations are: that sex education should be used as the main indicator for school administrators. Schools need to take measures with parents and community organizations in the management of sex education. The extraction of sexuality education out of health education to create awareness in the student learning process and to create effectiveness.