Publication: ความคงที่ของการวินิจฉัยโรคอารมณ์สองขั้ว
Issued Date
2553
Resource Type
Language
tha
ISSN
0125-3611 (Print)
2651-0561 (Online)
2651-0561 (Online)
Rights
มหาวิทยาลัยมหิดล
Rights Holder(s)
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
Bibliographic Citation
รามาธิบดีเวชสาร. ปีที่ 33, ฉบับที่ 3 (ก.ค.-ก.ย. 2553), 157-159
Suggested Citation
มาโนช หล่อตระกูล, Manote Lotrakul ความคงที่ของการวินิจฉัยโรคอารมณ์สองขั้ว. รามาธิบดีเวชสาร. ปีที่ 33, ฉบับที่ 3 (ก.ค.-ก.ย. 2553), 157-159. สืบค้นจาก: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/79864
Research Projects
Organizational Units
Authors
Journal Issue
Thesis
Title
ความคงที่ของการวินิจฉัยโรคอารมณ์สองขั้ว
Author(s)
Other Contributor(s)
Abstract
การวินิจฉัยโรคเป็นขั้นตอนสำคัญในทางการแพทย์ การดูแลรักษาผู้ป่วยจะเป็นไปด้วยดีเพียงใดขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ว่าใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากเท่าไร ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่แม้ป่วยด้วยโรคเดียวกันแต่อาการและอาการแสดงของโรคอาจแตกต่างกันไป ในระยะแรกอาการโรคอาจไม่ชัดเจนและก้ำกึ่งระหว่างหลายๆ โรค เมื่อผ่านไประยะหนึ่งการแสดงออกของโรคชัดเจนขึ้นทำให้การวินิจฉัยแยกโรคแคบลงตามลำดับ การวินิจฉัยโรคจะมีความแม่นยำสูง หากโรคนั้นเป็นโรคที่มีสมุฏฐานโรคและพยาธิสภาพไม่ซับซ้อน ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคปอดบวม การวินิจฉัยจะอาศัยข้อมูลหลักจากการเอกซเรย์ปอด และผลการตรวจเสมหะหาเชื้อที่เป็นสาเหตุ มากกว่าการข้อมูลด้านการแสดงออกของอาการ
ในกรณีของโรคที่มีความซับช้อน การแสดงออกของโรคมีความหลายหลาก หรือเกิดจากสาเหตุหลายปัจจัย การวินิจฉัยจะต้องอาศัยข้อมูลหลายๆ ด้านประกอบกันมากขึ้นตามองค์ความรู้ของโรคที่มี ได้แก่ ข้อมูลด้านพยาธิกำเนิด พยาธิสภาพ พยาธิสรีรวิทยา ความผิดปกติของผลจากห้องปฏิบัติการ การดำเนินโรค และการตอบสนองต่อการรักษา ยิ่งมีองค์ความรู้สึกถึงระดับสาเหตุโรดและพยาธิกำเนิดมากขึ้นเท่าไร การวินิจฉัยก็จะมีความแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น
โดยรวมแล้ว หากใช้เกณฑ์การวินิจฉัยตามระบบมาตรฐาน โรคอารมณ์สองขั้วมีความคงที่ในการวินิจฉัยเมื่อเปรียบเทียบระหว่างการวินิจฉัยครั้งแรกและการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายค่อนข้างสูงคือประมาณร้อยละ 80 และในผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นอาจพบต่ำกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ผู้ป่วยอาจได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคอื่นในบางช่วงของการกำเริบ ซึ่งบ่งว่าการแสดงออกของโรคอาจไม่เป็นตามแบบฉบับไปตลอดการดำเนินโรค และโรคจิตเวชอื่นที่พบร่วมอาจส่งผลต่อการประเมินเพื่อการวินิจฉัยได้ ในทางปฏิบัติแพทย์ควรนำข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น อายุที่เริ่มมีอาการ อาการแสดงในผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่น ประวัติในญาติสายตรง ปัจจัยทางจิตสังคมที่อาจส่งผลต่อการแสตงออกของอาการ หรือการตอบสนองต่อการรักษามาพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้การวินิจฉัยมีความแม่นยำมากขึ้น