Publication: Intravitreal Ranibizumab Treatment for Non-Proliferative Idiopathic Macular Telangiectasia Article Sidebar
8
Issued Date
2017
Resource Type
Language
eng
ISSN
0125-3611 (Print)
2651-0561 (Online)
2651-0561 (Online)
Rights
Mahidol University
Rights Holder(s)
Department of Ophthalmology Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital Mahidol University
Bibliographic Citation
Ramathibodi Medical Journal. Vol. 40, No. 3 (Jul-Sep 2017),
Suggested Citation
Wichai Prasartritha, Somsiri Sukavatcharin, Boontip Tipsuriyaporn, วิชัย ประสาทฤทธา, โสมศิริ สุขะวัชรินทร์, บุญทิพย์ ทิพย์สุริยาพร Intravitreal Ranibizumab Treatment for Non-Proliferative Idiopathic Macular Telangiectasia Article Sidebar. Ramathibodi Medical Journal. Vol. 40, No. 3 (Jul-Sep 2017),. Retrieved from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/79584
Research Projects
Organizational Units
Authors
Journal Issue
Thesis
Title
Intravitreal Ranibizumab Treatment for Non-Proliferative Idiopathic Macular Telangiectasia Article Sidebar
Alternative Title(s)
การรักษาภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพชนิดไม่สร้างเส้นเลือดใหม่ด้วยการฉีดยารานิบิซูแมบเข้าน้ำวุ้นตา
Abstract
Background: Idiopathic macular telangiectasia (IMT) associates with incompetence and ectasia of parafoveal retinal capillaries, causing significant loss of central vision. Many treatment modalities have been proposed to improve visual acuity such as laser, intravitreal injection of steroid, and anti-vascular endothelial growth factors. Nevertheless, the improvement in visual acuity was inconsistent.
Objective: To evaluate the effect of intravitreal ranibizumab on non-proliferative stage of idiopathic macular telangiectasia (IMT) in Thailand.
Methods: We conducted a retrospective, case series of 10 eyes (10 patients) in non-proliferative IMT treated with monthly intravitreal injection of 0.5 mg ranibizumab between July 2012 to March 2014 at Ramathibodi Hospital. Ophthalmic examination data, including best-corrected visual acuity (BCVA), fundus photograph, optical coherence tomography (OCT) and fluorescein angiogram (FA) were collected and interpreted by an experienced retinal specialist.
Results: Mean age was 52.9 ± 9.7 years. Median follow up time was 12.0 (8.0 - 17.0) months. Median BCVA improved from 0.35 (0.2 - 0.4) Logarithm of the Minimum Angle of Resolution (LogMAR) at baseline to 0.10 (0.0 - 0.3) LogMAR and 0.10 (0.0 - 0.4) LogMAR at third month and last visit, respectively. Mean central retinal thickness (CRT) was 374.3 ± 105.3 µm at baseline and decreased to 257.4 ± 84.3 µm and 242.4 ± 88.3 µm at third month and last visit, respectively. Mean changes in BCVA and CRT showed statistical significant different at third months and last visit compared to baseline. FA showed the reduction of leakage and staining at the end of treatment compared to baseline. No systemic and ocular adverse events were found.
Conclusions: Intravitreal ranibizumab might be the promising treatment for non-proliferative stage of IMT, in term of improving BCVA, decreasing CRT and FA leakage.
บทนำ: ภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพ เกิดจากการโป่งพองของเส้นเลือดขนาดเล็กรอบๆ จุดรับภาพชัด ทำให้ระดับการมองเห็นลดลง ในปัจจุบันได้มีการเสนอแนวทางการรักษาหลายวิธี เช่น การยิงเลเซอร์ การฉีดยาเข้าน้ำวุ้นตา ซึ่งการตอบสนองต่อการรักษานั้นยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่คงที่ วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินผลการรักษาด้วยการฉีดยารานิบิซูแมบเข้าน้ำวุ้นตาในคนไทยที่มีภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพชนิดไม่สร้างเส้นเลือดใหม่ วิธีการศึกษา: ทำการเก็บข้อมูลย้อนหลังในผู้เข้าร่วมวิจัย จำนวน 10 คน (10 ตา) ที่วินิจฉัยว่ามีภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพชนิดไม่สร้างเส้นเลือดใหม่และได้รับการรักษาด้วยการฉีดยารานิบิซูแมบขนาด 0.5 มิลลิกรัม เข้าน้ำวุ้นตาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2555 ถึงเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2557 ซึ่งได้รับการเก็บข้อมูลและแปลผลการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ด้านจอประสาทตา ประกอบไปด้วย ระดับการมองเห็นที่ดีที่สุด ภาพถ่ายจอประสาทตา ภาพตัดขวางจอประสาทตา และการฉีดสีตรวจจอประสาทตา ผลการศึกษา: อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมวิจัย 52.9 ± 9.7 ปี ค่ามัธยฐานของระยะเวลาการติดตามการรักษา คือ 12.0 (8.0 - 17.0) เดือน ค่ามัธยฐานของระดับการมองเห็นที่ดีที่สุดพบว่า ดีขึ้นจากก่อนเริ่มรักษา 0.35 (0.2 - 0.4) LogMAR เป็น 0.10 (0.0 - 0.3) LogMAR ที่ 3 เดือน และ 0.10 (0.0 - 0.4) LogMAR ที่การตรวจครั้งสุดท้าย ค่าเฉลี่ยของความหนาที่จุดรับภาพพบว่า ลดลงจาก 374.3 ± 105.3 ไมครอน ที่ก่อนเริ่มรักษา เป็น 257.4 ± 84.3 ไมครอน ที่ 3 เดือน และ 242.4 ± 88.3 ไมครอน ที่การตรวจครั้งสุดท้าย โดยพบว่า ระดับการมองเห็นและความหนาของจุดรับภาพมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 3 เดือน และการตรวจครั้งสุดท้ายเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเริ่มการรักษา ผลการฉีดสีพบการรั่วซึมของเส้นเลือดลดลงหลังได้รับการรักษา และไม่พบภาวะแทรกซ้อนใดๆ หลังรักษาเสร็จสิ้น สรุป: การฉีดยารานิบิซูแมบเข้าน้ำวุ้นตาอาจช่วยรักษาภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพชนิดไม่สร้างเส้นเลือดใหม่ได้ โดยสามารถเพิ่มระดับการมองเห็น ลดการบวมของจุดรับภาพ และลดการรั่วซึมของเส้นเลือดจากการตรวจด้วยการฉีดสี
บทนำ: ภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพ เกิดจากการโป่งพองของเส้นเลือดขนาดเล็กรอบๆ จุดรับภาพชัด ทำให้ระดับการมองเห็นลดลง ในปัจจุบันได้มีการเสนอแนวทางการรักษาหลายวิธี เช่น การยิงเลเซอร์ การฉีดยาเข้าน้ำวุ้นตา ซึ่งการตอบสนองต่อการรักษานั้นยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่คงที่ วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินผลการรักษาด้วยการฉีดยารานิบิซูแมบเข้าน้ำวุ้นตาในคนไทยที่มีภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพชนิดไม่สร้างเส้นเลือดใหม่ วิธีการศึกษา: ทำการเก็บข้อมูลย้อนหลังในผู้เข้าร่วมวิจัย จำนวน 10 คน (10 ตา) ที่วินิจฉัยว่ามีภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพชนิดไม่สร้างเส้นเลือดใหม่และได้รับการรักษาด้วยการฉีดยารานิบิซูแมบขนาด 0.5 มิลลิกรัม เข้าน้ำวุ้นตาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2555 ถึงเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2557 ซึ่งได้รับการเก็บข้อมูลและแปลผลการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ด้านจอประสาทตา ประกอบไปด้วย ระดับการมองเห็นที่ดีที่สุด ภาพถ่ายจอประสาทตา ภาพตัดขวางจอประสาทตา และการฉีดสีตรวจจอประสาทตา ผลการศึกษา: อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมวิจัย 52.9 ± 9.7 ปี ค่ามัธยฐานของระยะเวลาการติดตามการรักษา คือ 12.0 (8.0 - 17.0) เดือน ค่ามัธยฐานของระดับการมองเห็นที่ดีที่สุดพบว่า ดีขึ้นจากก่อนเริ่มรักษา 0.35 (0.2 - 0.4) LogMAR เป็น 0.10 (0.0 - 0.3) LogMAR ที่ 3 เดือน และ 0.10 (0.0 - 0.4) LogMAR ที่การตรวจครั้งสุดท้าย ค่าเฉลี่ยของความหนาที่จุดรับภาพพบว่า ลดลงจาก 374.3 ± 105.3 ไมครอน ที่ก่อนเริ่มรักษา เป็น 257.4 ± 84.3 ไมครอน ที่ 3 เดือน และ 242.4 ± 88.3 ไมครอน ที่การตรวจครั้งสุดท้าย โดยพบว่า ระดับการมองเห็นและความหนาของจุดรับภาพมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 3 เดือน และการตรวจครั้งสุดท้ายเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเริ่มการรักษา ผลการฉีดสีพบการรั่วซึมของเส้นเลือดลดลงหลังได้รับการรักษา และไม่พบภาวะแทรกซ้อนใดๆ หลังรักษาเสร็จสิ้น สรุป: การฉีดยารานิบิซูแมบเข้าน้ำวุ้นตาอาจช่วยรักษาภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จุดรับภาพชนิดไม่สร้างเส้นเลือดใหม่ได้ โดยสามารถเพิ่มระดับการมองเห็น ลดการบวมของจุดรับภาพ และลดการรั่วซึมของเส้นเลือดจากการตรวจด้วยการฉีดสี