Factors affecting the effectiveness of police ferformance in metropolitan police bureau
8
Issued Date
2023
Copyright Date
2017
Language
eng
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
xi, 143 leaves
Access Rights
restricted access
Rights Holder(s)
Mahidol University
Bibliographic Citation
Thesis (Ph.D. (Criminology Justice Administration and Society))--Mahidol University, 2017
Suggested Citation
Wuthichai Tengpongsthorn Factors affecting the effectiveness of police ferformance in metropolitan police bureau. Thesis (Ph.D. (Criminology Justice Administration and Society))--Mahidol University, 2017. Retrieved from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/89812
Title
Factors affecting the effectiveness of police ferformance in metropolitan police bureau
Alternative Title(s)
ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล
Author(s)
Abstract
This research aimed to investigate the relationship between the satisfactions and the dissatisfaction with the police effective performance, the relationship between the Herzberg two-factor theory with the police effective performance, and the relationship between the Herzberg two-factor theories with the police effective performance. The subjects in this study were the police under supervision of the Metropolitan Police Bureau. The hypothesis test on the correlation of the variables revealed that there was a close relationship between the police performance satisfaction and the police performance dissatisfaction. There were relationships between the maintenance factors with the job dissatisfaction and between the performance dissatisfaction with the performance effectiveness. Also, the results revealed that job satisfaction had no relationship with the police performance effectiveness in both performance standards and performance ethics. There were seven aspects by Herzberg two-factor theory directly related to the police performance effectiveness. The maintenance factors of the colleague and the salary had positive relationship with the ethics-performance effectiveness. The motivation factors of responsibility and job advancement/growth opportunities had positive relationship with standards-performance effectiveness. On the contrary, the maintenance factors of the immediate supervisors, and the status had negative relationship with the performance effectiveness. The maintenance factor of personal life had negative relationship with the police performance effectiveness. It is recommended that studies in the future should be conducted in other areas using other variables influencing effectiveness of the police performance. For example, organizational fairness perception, self-potentiality confidence, and organizational culture and structure to assess whether they affect the effectiveness of police performance.
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจในงานกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล 2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยตามทฤษฎีสองปัจจัยของเฮอร์ซเบิร์กกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลและ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยตามทฤษฎีสองปัจจัยของเฮอร์ซเบิร์กกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลผ่านตัวแปรด้านความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจในงาน โดยใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นหน่วยวิเคราะห์ จากการทดสอบค่าสหสัมพันธ์ของตัวแปรที่จะใช้ทดสอบสมมุติฐานพบว่า ความพึงพอใจในงานสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความไม่พึงพอใจในงานและปัจจัยกระตุ้นด้านความสำเร็จ เพื่อป้ องกันการขาดความแม่นตรงในการทำนาย เนื่องจากตัวแปรสัมพันธ์กันสูง การวิเคราะห์ข้อมูลจึงทำโดยไม่มีการวิเคราะห์ปัจจัยกระตุ้นด้านความสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบำรุงรักษากับความไม่พึงพอใจในงานและความไม่พึงพอใจในงานกับประสิทธิผลการปฏิบัติงาน ผลการศึกษาพบว่า ความพึงพอใจในงานไม่สัมพันธ์กับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในด้านมาตรฐานการปฏิบัติงานและในด้านจริยธรรมการปฏิบัติงานและความพึงพอใจในงานไม่ใช่ตัวแปรส่งผ่านระหว่างปัจจัยกระตุ้นกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีปัจจัยตามทฤษฎีสองปัจจัยของเฮอร์ซเบิร์กจำนวน 7 ด้านที่สัมพันธ์โดยตรงกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้แก่ ปัจจัยบำรุงรักษาด้านความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานและปัจจัยบำรุงรักษาด้านเงินเดือนสัมพันธ์ ในเชิงบวกกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานด้านจริยธรรมการปฏิบัติงาน ปัจจัยกระตุ้น ด้านความรับผิดชอบ ปัจจัยกระตุ้นด้านความก้าวหน้า/โอกาสในการเจริญเติบโตสัมพันธ์ ในเชิงบวกกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานด้านมาตรฐานการปฏิบัติงาน ในขณะที่ปัจจัยบำรุงรักษาด้านการบังคับบัญชาและปัจจัยบำรุงรักษาด้านตำแหน่งงานสัมพันธ์ในเชิงลบกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานด้านมาตรฐานการปฏิบัติงาน ปัจจัยบำรุงรักษาด้านชีวิตส่วนตัวสัมพันธ์ในเชิงลบกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลทั้งในด้านมาตรฐานการปฏิบัติงานและจริยธรรมการปฏิบัติงานงานวิจัยในอนาคตควรมีการศึกษาบทบาทของตัวแปรส่งผ่านในด้านอื่นๆที่น่าจะมีอิทธิผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเหนือจากตัวแปรด้านความพึงพอใจในงาน เช่น การรับรู้ความยุติธรรมในองค์การ ความเชื่อมันในศักยภาพของตนเอง วัฒนธรรมและโครงสร้างขององค์การ ฯลฯ เพื่อศึกษาว่าปัจจัยต่างๆเหล่านี้เป็นปัจจัยส่งผ่านต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจในงานกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล 2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยตามทฤษฎีสองปัจจัยของเฮอร์ซเบิร์กกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลและ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยตามทฤษฎีสองปัจจัยของเฮอร์ซเบิร์กกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลผ่านตัวแปรด้านความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจในงาน โดยใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นหน่วยวิเคราะห์ จากการทดสอบค่าสหสัมพันธ์ของตัวแปรที่จะใช้ทดสอบสมมุติฐานพบว่า ความพึงพอใจในงานสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความไม่พึงพอใจในงานและปัจจัยกระตุ้นด้านความสำเร็จ เพื่อป้ องกันการขาดความแม่นตรงในการทำนาย เนื่องจากตัวแปรสัมพันธ์กันสูง การวิเคราะห์ข้อมูลจึงทำโดยไม่มีการวิเคราะห์ปัจจัยกระตุ้นด้านความสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบำรุงรักษากับความไม่พึงพอใจในงานและความไม่พึงพอใจในงานกับประสิทธิผลการปฏิบัติงาน ผลการศึกษาพบว่า ความพึงพอใจในงานไม่สัมพันธ์กับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในด้านมาตรฐานการปฏิบัติงานและในด้านจริยธรรมการปฏิบัติงานและความพึงพอใจในงานไม่ใช่ตัวแปรส่งผ่านระหว่างปัจจัยกระตุ้นกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีปัจจัยตามทฤษฎีสองปัจจัยของเฮอร์ซเบิร์กจำนวน 7 ด้านที่สัมพันธ์โดยตรงกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้แก่ ปัจจัยบำรุงรักษาด้านความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานและปัจจัยบำรุงรักษาด้านเงินเดือนสัมพันธ์ ในเชิงบวกกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานด้านจริยธรรมการปฏิบัติงาน ปัจจัยกระตุ้น ด้านความรับผิดชอบ ปัจจัยกระตุ้นด้านความก้าวหน้า/โอกาสในการเจริญเติบโตสัมพันธ์ ในเชิงบวกกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานด้านมาตรฐานการปฏิบัติงาน ในขณะที่ปัจจัยบำรุงรักษาด้านการบังคับบัญชาและปัจจัยบำรุงรักษาด้านตำแหน่งงานสัมพันธ์ในเชิงลบกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานด้านมาตรฐานการปฏิบัติงาน ปัจจัยบำรุงรักษาด้านชีวิตส่วนตัวสัมพันธ์ในเชิงลบกับประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลทั้งในด้านมาตรฐานการปฏิบัติงานและจริยธรรมการปฏิบัติงานงานวิจัยในอนาคตควรมีการศึกษาบทบาทของตัวแปรส่งผ่านในด้านอื่นๆที่น่าจะมีอิทธิผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเหนือจากตัวแปรด้านความพึงพอใจในงาน เช่น การรับรู้ความยุติธรรมในองค์การ ความเชื่อมันในศักยภาพของตนเอง วัฒนธรรมและโครงสร้างขององค์การ ฯลฯ เพื่อศึกษาว่าปัจจัยต่างๆเหล่านี้เป็นปัจจัยส่งผ่านต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่
Degree Name
Doctor of Philosophy
Degree Level
Doctoral Degree
Degree Department
Faculty of Social Sciences and Humanities
Degree Discipline
Criminology, Justice Administration and Society
Degree Grantor(s)
Mahidol University