SS-Proceeding Document

Permanent URI for this collectionhttps://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/32

Browse

Recent Submissions

Now showing 1 - 6 of 6
  • ItemOpen Access
    แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลการดำเนินงานของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล
    (2565) จุฑามาศ เหรนิล; สิริพร วงศ์ ภิรมย์
    การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาสภาพการดำเนินงานจัดเก็บข้อมูลผลการดำเนินงานของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่ างสภาพการดำเนินงานฯ ที่มีผลต อประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลการดำเนินงาน และ 3) เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดเก็บข้อมูลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสอดคล้ องกับความต้ องการของผู้ บริหารวิทยาลัย ฯ เพื่อการพัฒนาและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ของวิทยาลัยฯ โดยใช้ วิธีการวิจัยแบบผสมผสาน ด้ วยวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ จัดเก็บแบบสอบถามกับบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บข อมูลการดำเนินงาน จำนวน 20 คน และวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ สัมภาษณ์ เชิงลึก รองคณบดี ประธานหลักสูตร และหัวหน้างาน จำนวน 14 คน พร้อมมีการวิเคราะห์ ข้อมูลโดยโปรแกรมสำเร็จรูป SPSS สถิติที่ใช้ค่าเฉลี่ย ร้ อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ อย่างง่ายของเพียร์ สัน ผลการวิจัยพบว่า 1.การประเมินสภาพการจัดเก็บข้อมูลดำเนินงานของวิทยาลัย ฯ ทั้ง 3 ด้าน ได้ แก่ ด้านการนำเข้าข้ อมูล ด้านการประมวลผลข้อมูล และด้านการนำข้อมูลไปใช้ ในภาพรวม อยู่ ในระดับมาก (Χ= 3.58, S.D. =0.73 ความคิดเห็นการจัดเก็บข้อมูลดำเนินงานตามประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูล ทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนการผลิต ด้านกระบวนการบริหาร และด้านผลลัพธ์ อยู่ ในระดับมาก (Χ=3.71,S.D.=0.73) 2.ความสัมพันธ์ ระหว่างสภาพการจัดเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลของวิทยาลัย ฯ พบว่ามีความสัมพันธ์ทางบวก ในระดับสูงมาก (r=0.916) อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01 และ 3.แนวทางการพัฒนาการจัดเก็บข้อมูลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริหารวิทยาลัย ฯ พบว่า 1) ควรสนับสนุนงบประมาณจัดหาเทคโนโลยีสารสนเทศบริหารจัดการฐานข้อมูลยืดหยุ นตามสถานการณ์ 2) พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานและออกแบบระบบฐานข้อมูลจากล างขึ้นบน 3) ควรกำหนดผู้รับผิดชอบการออกแบบฐานข้อมูล และพัฒนาความรู้แก่ ผู้ บริหารฐานข้อมูลและบริหารข้อมูล ผู้วิเคราะห์ ระบบและเขียนโปรแกรม และผู้ใช้ระบบ 4) สื่อสารสร้างความเข้าใจให้ บุคลากรมีส่วนร่วมและเห็นความสำคัญในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยใช้ข้อมูลจริง
  • ItemOpen Access
    การศึกษาความต้องการและข้อเสนอด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาของผู้ใช้บริการวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล
    (2566) ฉัตรลดา ภาวงศ์; รจนา หนูเจียม; สุธาสินี คงทองสังข์; นิภาวรรณ วงษ์ใหญ่
    การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการของผู้ใช้บริการวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา 2) ศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยส่วนบุคคลและความต้องการของผู้ใช้บริการ 3) รวบรวมข้อเสนอเพื่อการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ กลุ่มตัวอย่างคือผู้ใช้บริการแบบเจาะจงที่มีส่วนได้ส่วนเสียด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา 93 แห่ง เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เชิงลึกสำหรับผู้บริหารระดับสูง 3 แห่ง วิเคราะห์ข้อมูลด้วย SPSS อธิบายด้วยสถิติเชิงพรรณนา ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แจกแจงความถี่ ร้อยละ T-test และ F-test (ค่านัยสำคัญที่ระดับ 0.05) ผลวิจัย 1) ค่าเฉลี่ยระดับความต้องการภาพรวมและรายด้านอยู่ระดับมากที่สุดด้านเครื่องมือวิจัย (4.64) บริการทดสอบสมรรถนะบุคคล (4.46) การจัดอบรมประชุมเชิงปฏิบัติการ (4.46) และบริการทดสอบผลิตภัณฑ์ (4.41) 2) ความสัมพันธ์ปัจจัยส่วนบุคคลและความต้องการของผู้ใช้บริการมีความต้องการใช้บริการไม่แตกต่างกัน (p>0.05) 3) ข้อเสนอเพื่อการพัฒนาและการสัมภาษณ์ คือ นำข้อมูลบริการทดสอบสมรรถนะบุคคลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ความสะดวกรวดเร็วในการจัดอบรมให้ลูกค้าภาครัฐและเอกชน สรุปมีความต้องการทุกภาพรวมและรายด้านระดับมากที่สุด ความสัมพันธ์ปัจจัยส่วนบุคคลและความต้องการใช้บริการไม่แตกต่างกัน แนวทางการพัฒนาควรจัดอบรมให้เจ้าหน้าที่นำข้อมูลมาวิเคราะห์ในรูปแบบง่ายช่วยให้คนและองค์กรใช้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด พัฒนางานประจำสู่งานวิจัย เปิดคอร์สอบรมแบบออนไลน์เพิ่ม
  • ItemOpen Access
    การศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล
    (2566) ณัฐพร รสรื่น
    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของบุคลากร นักศึกษาของวิทยาลัยฯ และ ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ในด้านต่าง ๆ ของเว็บไซต์ทางการของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล ผลการศึกษาอาจชี้แนะแนวทางในการพัฒนาเว็บไซต์ของวิทยาลัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ บุคลากร นักศึกษาของวิทยาลัยฯ และ ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ของ วิทยาลัยฯ รวม 125 คน โดยสถิติที่ใช้ในการวิจัยข้อมูล ประกอบด้วย สถิติบรรยายเพื่ออธิบายข้อมูลของกลุ่ม ตัวอย่าง (ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำค่าที่ได้ไปใช้วิจัย) และสถิติเชิงอนุมาน ในการ ทดสอบหาความสัมพันธ์ของตัวแปรและสมมติฐานการวิจัยโดยใช้ t-test และ One Way ANOVA จากจำนวนผู้เข้าร่วมวิจัยทั้งหมด พบว่า ผู้เข้าร่วมวิจัยเลือกระดับความพึงพอใจมากที่สุดในด้านการ ให้บริการด้านต่าง ๆ ( x = 4.12), ด้านเนื้อหาสารสนเทศและข่าวสารจำนวน ( x = 4.11) , ด้านการ ออกแบบเว็บไซต์ ( x = 4.08) และ ด้านระบบการทำงาน ความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานของเว็บไซต์ ( x = 4.07) ตามลำดับ ดังนั้น ผู้เข้าร่วมวิจัยพึงพอใจมากที่สุดด้านการให้บริการ รองลงไป คือ ด้านเนื้อหา สารสนเทศและข่าวสาร ด้านการออกแบบเว็บไซต์และอันดับสุดท้ายคือ ด้านระบบการทำงาน ความสะดวก และง่ายต่อการใช้งานของเว็บไซต์ การศึกษาความพึงพอใจจากผู้ใช้งานเว็บไซต์อาจสะท้อนถึงความต้องการและความคาดหวังของ ผู้ใช้งาน โดยชี้แนะลำดับการพัฒนา ได้แก่ ด้านระบบการทำงาน ความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานของ เว็บไซต์ ด้านการออกแบบเว็บไซต์ ด้านเนื้อหาสารสนเทศและข่าวสารและด้านการให้บริการด้านต่าง ๆ ใน เว็บไซต์
  • Thumbnail Image
    ItemOpen Access
    ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากร กรณีศึกษา วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล
    (2557) ยมนา ไพศาลพัฒนสกุล; ประภาภรณ์ แก้วสาหลง; อรวรรณ เจริญผล; มหาวิทยาลัยมหิดล. วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา
    การวิจัยคร้้งนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันองค์กรกรณีศึกษา วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาวิทยาลัยฯให้ บุคลากรเกิดความผูกพันต่อองค์กร ประชากรที่ใช้ในการวิจัย บุคลากรของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีการกีฬาจ านวน 97 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามแบบมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลสำเร็จรูป SPSS ผลการวิจัยพบว่า 1.บุคลากรส่วนใหญ่เพศชาย ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี อายุการ ทำงาน ระหว่าง 1-5 ปี เป็นบุคลากรสายสนับสนุน ไม่ได้ดำรงตำแหน่งบริหาร ปฏิบัติงานใน ตำแหน่ง ช่างเทคนิค / พนักงานขับรถยนต์ / พนักงานทั่วไป / พนักงานสถานที่ / คนสวน สังกัด สำนักงานคณบดี งานบริหารและทรัพยากรบุคคลในระดับมากที่สุด 2.บุคลากรมีความพึงพอใจใน การปฏิบัติงานในค่าเฉลี่ย 3.37 ระดับความพึงพอใจปานกลาง ความผูกพันองค์กร มีค่าเฉลี่ย 4.26 ระดับความผูกพันองค์กรในระดับดีมากและปัจจัยที่ส่งผลต่อความผูกพันองค์กรกับความพึงพอใจ ในการปฏิบัติงานในด้านลักษณะงานที่ปฏิบัติกับความพยายามทำงาน ส่งผลต่อความผูกพันองค์กร ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • Thumbnail Image
    ItemOpen Access
    การศึกษาความพึงพอใจของสถานประกอบการต่อการฝึกงานของนักศึกษา
    (2557) สัณห์สินี กันโอภาส; พิกุลแก้ว คลื่นสุวรรณ; รุ้งเพชร มาน้อย; มหาวิทยาลัยมหิดล. วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา
    การวิจัยคร้ังนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความพึงพอใจโดยรวม ของสถานประกอบการ และจำแนกตามประเภทของหน่วยงานระหว่าง เอกชน รัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ ที่มีต่อการ ฝึ กงานของนักศึกษาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา ในองค์ประกอบ 5 ด้าน คือ ด้านความรู้ทาง วิชาการ ด้านทักษะทางวิชาชีพ ด้านความรับผิดชอบ ด้านมนุษยสัมพันธ์ ด้านวินัยและเจตคติในตนเอง โดยใช้ แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลสถานประกอบการที่รับนักศึกษาเข้าฝึกงาน ในภาคการศึกษา ที่ 2/2555 จำนวน 45 หน่วยงาน โดยได้รับแบบสอบถามกลับคืนท้ังหมด คิดเป็นร้อยละ 100 จากผลการวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการที่เป็นหน่วยงานเอกชน รัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ มีความพึงพอใจต่อการฝึกงานของนักศึกษาวิทยาลัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา ตามองค์ประกอบท้ัง 5 ด้าน ในภาพรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด โดยเฉพาะด้าน มนุษยสัมพันธ์ มีความพึงพอใจเป็ นอันดับ 1 ด้านวินัยและเจตคติในตนเอง มีความพอใจเป็นอันดับ 2 ด้านความ รับผิดชอบ และด้านความรู้ทางวิชาการ ตามลำดับ ส่วนด้านทักษะทางวิชาชีพ มีความพอใจอยู่ในระดับ มาก จาก ข้อมูลที่พบแสดงให้เห็นว่านักศึกษาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทาง วิชาการ มีวินัยและมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะด้านมนุษยสัมพันธ์ ที่ผู้ประกอบการมีความพึงพอใจภาพรวมใน ระดับ มากที่สุด แต่สำหรับด้านทักษะทางวิชาชีพ ซึ่งได้รับคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจน้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นจุดด้อยที่ สามารถปรับปรุง พัฒนา ทักษะทางวิชาชีพ เช่น ด้านภาวะผู้นำ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การ ส่งเสริมให้นักศึกษาทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น
  • Item
    How to control ankle joint in various directions of one leg jump-landing: frontal plane moment and EMG study
    (2013) Komsak Sinsurin; Roongtiwa Vachalathiti; Wattana Jalayondeja; Weerawat Limroongreungrat; Mahidol University. Faculty of Physical Therapy; Mahidol University. College of Sports Science and Technology
    The variation of jump-landing directions would challenge muscular control around ankle joint. The purposes of this study were to assess the frontal plane moment of ankle and EMG of tibialis anterior (TA), peroneus longus (PL), and medial head of gastrocnemius (GAS) muscles. Eighteen male athletes participated in the study. Subjects performed the one leg jump-landing test from a 30 cm height platform in four directions; forward (0°), 30° diagonal, 60° diagonal, and lateral (90°) directions. The finding exhibited that peak evertor moment significantly increased from forward to lateral direction. The need for increased muscle activity of PL was highlighted. The landing needed more co-contraction between TA and PL for maintaining balance. It seems that the awareness around ankle during jump-landing in diagonal and lateral direction should be more focused comparing to forward direction