Publication: Screening of Diabetes Mellitus in Pregnancy by Hemoglobin A1c and Fasting Plasma Glucose at Ramathibodi Hospital
Issued Date
2018
Resource Type
Language
eng
ISSN
0125-3611 (Print)
2651-0561 (Online)
2651-0561 (Online)
Rights
Mahidol University
Rights Holder(s)
Department of Obstetrics and Gynaecology Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital Mahidol University
Bibliographic Citation
Ramathibodi Medical Journal. Vol. 41, No. 3 (Jul-Sep 2018), 73-81
Suggested Citation
Chutima Yaiyiam, Somsak Suthutvoravut, ชุติมา ใยเยี่ยม, สมศักดิ์ สุทัศน์วรวุฒิ Screening of Diabetes Mellitus in Pregnancy by Hemoglobin A1c and Fasting Plasma Glucose at Ramathibodi Hospital. Ramathibodi Medical Journal. Vol. 41, No. 3 (Jul-Sep 2018), 73-81. Retrieved from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/79542
Research Projects
Organizational Units
Authors
Journal Issue
Thesis
Title
Screening of Diabetes Mellitus in Pregnancy by Hemoglobin A1c and Fasting Plasma Glucose at Ramathibodi Hospital
Alternative Title(s)
การคัดกรองภาวะเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์โดยการตรวจวัดระดับฮีโมโกลบินเอวันซีและระดับน้ำตาลในพลาสมาหลังอดอาหาร ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี
Abstract
Background: Diabetes mellitus (DM) is an important complication during pregnancy. The International Diabetes Federation (IDF) recommended screening for pre-existing or overt DM and gestational diabetes (GDM) by hemoglobin A1c (HbA1c) and fasting plasma glucose (FPG) at the first antenatal visit.
Objective: To study the incidence of DM in pregnancy by the new screening program, and its effects on perinatal outcomes in pregnant women who entered for antenatal visits at Ramathibodi Hospital.
Methods: The descriptive study analyzed results of screening DM by HbA1c and FPG among 421 pregnant women who came for antenatal visits during January 4, 2016, to March 31, 2016. Chi-square test, Fisher’s exact test and logistic regression analysis were used to analyze the association between factors with significance level at P < 0.05.
Results: Among the 421 participants, 4 participants (0.95%) were diagnosed with pre-existing DM and 57 participants (13.54%) were diagnosed with GDM at first antenatal visit. In second screening at 24 - 28 weeks of gestational age another 62 participants (21.99%) among 282 participants were diagnosed GDM. Totally incidence of GDM in this study was 35.53%. Abortion rate (18.03%) was significantly higher among pregnant women with DM compared to normal women (2.01%). There was no significant association between DM in pregnancy and other outcomes of pregnancy.
Conclusions: This study showed that the incidence of pre-existing DM in pregnant women screened by HbA1c at the first antenatal visit was very low. DM in pregnancy was significantly associated with abortion, but not with other outcomes of pregnancy.
บทนำ: เบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญขณะตั้งครรภ์ สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติแนะนำให้ตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์โดยการเจาะเลือดตรวจวิเคราะห์ระดับฮีโมโกลบิน เอวันซี (Hemoglobin A1c, HbA1c) และระดับน้ำตาลในพลาสมาหลังอดอาหาร (Fasting plasma glucose, FPG) ตั้งแต่มาฝากครรภ์ครั้งแรก วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาอุบัติการณ์ของภาวะเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานแบบใหม่ และผลการตั้งครรภ์ของสตรีที่มาฝากครรภ์ในโรงพยาบาลรามาธิบดี วิธีวิจัย: การวิจัยเชิงพรรณนา เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างสตรีที่มาฝากครรภ์ครั้งแรกในโรงพยาบาลรามาธิบดี จำนวน 421 คน ระหว่างวันที่ 4 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559 และได้รับการเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดระดับฮีโมโกลบินเอวันซีและระดับน้ำตาลในพลาสมาหลังอดอาหาร จากนั้นวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรโดยใช้สถิติ Chi-square test, Fisher’s exact test และ Logistic regression analysis กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ผลการศึกษา: จากการตรวจวินิจฉัยครั้งแรกในกลุ่มตัวอย่าง พบสตรีที่มีภาวะเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 0.95 และสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จำนวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 13.54 และเมื่อทำการตรวจวินิจฉัยครั้งที่ 2 ในสตรีตั้งครรภ์ จำนวน 282 คน ที่มีอายุครรภ์ 24 - 28 สัปดาห์ พบสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จำนวน 62 คน คิดเป็นร้อยละ 21.99 รวมทั้งสิ้นพบสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ร้อยละ 35.53 ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับการแท้งบุตรอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับผลการตั้งครรภ์อื่นๆ สรุป: การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า สตรีที่มีภาวะเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์พบอุบัติการณ์น้อยมาก ซึ่งภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับการแท้งบุตร แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับผลการตั้งครรภ์อื่นๆ
บทนำ: เบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญขณะตั้งครรภ์ สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติแนะนำให้ตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์โดยการเจาะเลือดตรวจวิเคราะห์ระดับฮีโมโกลบิน เอวันซี (Hemoglobin A1c, HbA1c) และระดับน้ำตาลในพลาสมาหลังอดอาหาร (Fasting plasma glucose, FPG) ตั้งแต่มาฝากครรภ์ครั้งแรก วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาอุบัติการณ์ของภาวะเบาหวานในสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานแบบใหม่ และผลการตั้งครรภ์ของสตรีที่มาฝากครรภ์ในโรงพยาบาลรามาธิบดี วิธีวิจัย: การวิจัยเชิงพรรณนา เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างสตรีที่มาฝากครรภ์ครั้งแรกในโรงพยาบาลรามาธิบดี จำนวน 421 คน ระหว่างวันที่ 4 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559 และได้รับการเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดระดับฮีโมโกลบินเอวันซีและระดับน้ำตาลในพลาสมาหลังอดอาหาร จากนั้นวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรโดยใช้สถิติ Chi-square test, Fisher’s exact test และ Logistic regression analysis กำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ผลการศึกษา: จากการตรวจวินิจฉัยครั้งแรกในกลุ่มตัวอย่าง พบสตรีที่มีภาวะเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 0.95 และสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จำนวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 13.54 และเมื่อทำการตรวจวินิจฉัยครั้งที่ 2 ในสตรีตั้งครรภ์ จำนวน 282 คน ที่มีอายุครรภ์ 24 - 28 สัปดาห์ พบสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จำนวน 62 คน คิดเป็นร้อยละ 21.99 รวมทั้งสิ้นพบสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ร้อยละ 35.53 ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับการแท้งบุตรอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับผลการตั้งครรภ์อื่นๆ สรุป: การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า สตรีที่มีภาวะเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์พบอุบัติการณ์น้อยมาก ซึ่งภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับการแท้งบุตร แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับผลการตั้งครรภ์อื่นๆ