A discourse study of community justice policy implementation under the policy mottos Justice for All, All for Justice and Justice to All, All to Justice
Issued Date
2024
Copyright Date
2018
Resource Type
Language
eng
File Type
application/pdf
No. of Pages/File Size
xv, 458 leaves : ill.
Access Rights
open access
Rights
ผลงานนี้เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ขอสงวนไว้สำหรับเพื่อการศึกษาเท่านั้น ต้องอ้างอิงแหล่งที่มา ห้ามดัดแปลงเนื้อหา และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้า
Rights Holder(s)
Mahidol University
Bibliographic Citation
Thesis (D.P.A. (Public Policy and Public Management))--Mahidol University, 2018
Suggested Citation
Chatchai Mangkornsangkaew A discourse study of community justice policy implementation under the policy mottos Justice for All, All for Justice and Justice to All, All to Justice. Thesis (D.P.A. (Public Policy and Public Management))--Mahidol University, 2018. Retrieved from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/92255
Title
A discourse study of community justice policy implementation under the policy mottos Justice for All, All for Justice and Justice to All, All to Justice
Alternative Title(s)
การนำนโยบายยุติธรรมชุมชนไปปฏิบัติภายใต้วาทกรรมนโยบาย ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม และ ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน
Author(s)
Abstract
The purpose of this study was three-fold. Firstly, it aimed to study and analyze community justice policy implementation under "Justice for All, All for Justice" and "Justice to All, All to Justice". Secondly, it aimed is to understand the very meaning of those discourses above in community justice policy. The last objective was to study the result of discourse to policy implementation and to forensic use of national identification in community justice policy. The data were gathered from relevant documents, policies, questionnaire survey, in-depth interviews, and focus group discussion from upper-level administrative officer (1), scholarly expert (1), general-directors (2), heads of unit (2), non-government officers (3), directors of division (5), and justice provincial officers (131).Critical discourse analysis was chiefly employed for data analysis. The research results revealed that the implementation of community justice policy under "Justice for All, All for Justice" and "Justice to All, All to Justice" apparently instigated not only the use of top-down approach "Administrative justice to people", very frequently but also bottom-up approach as "Access to justice of people" less frequently. The meaning of the discourse in general is the same. However, in the case of content, the very meaning of "Justice to All, All to Justice" is more emphasized on reduced social gap than "Justice for All, All for Justice". It could be implied that "Justice for All, All for Justice" is related to top-down approach, whereas, "Justice to All, All to Justice" is related to bottom-up approach. At present, both of bottom-up and top-down approach, top-down, and bottom-up approach could be seen in rank-order, respectively. The resultant of discourse to community justice policy implementation and forensic uses of national identification showed that "Justice to All, All to Justice" is a way for justice ministers and politicians to get into locale to cultivate justice perception to people which is different from "Justice for All", All for Justice" which emphasized on perception of government officers. As a result, the very meaning of both discourses are the same, and the effect to policy implementation is little. Likewise, there are no effects of forensic uses of national identification on community justice policy.
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ (1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์การนำนโยบายยุติธรรมชุมชนไปปฏิบัติภายใต้วาทกรรม "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" และ "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" ของกระทรวงยุติธรรม (2) เพื่อศึกษาความหมายของวาทกรรม "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" และ "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" ในนโยบายยุติธรรมชุมชน (3) เพื่อศึกษาผลของวาทกรรมต่อการนำนโยบายไปปฏิบัติและการนำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพิสูจน์สัญชาติในนโยบายยุติธรรมชุมชน โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร นโยบายการเก็บแบบสอบถามกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานยุติธรรมจังหวัด การสัมภาษณ์และการประชุมสนทนากลุ่มผู้นำนโยบายไปปฏิบัติระดับบริหาร อำนวยการและหัวหน้างาน กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มข้าราชการในส่วนภูมิภาค ภาคประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชน โดยเทคนิคหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือการวิเคราะห์วาทกรรมเชิงวิพากษ์ผลการศึกษาวิจัยพบว่า (1) การนำนโยบายยุติธรรมชุมชนไปปฏิบัติภายใต้วาทกรรม "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" และ "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" ก่อให้เกิดรูปแบบการนำนโยบายไปปฏิบัติทั้งจากบนสู่ล่างผ่านถ้อยคำ "อำนวยความยุติธรรมสู่ประชาชน" และจากล่างขึ้นบนผ่านถ้อยคำ "ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรม" รวมถึงการนำนโยบายไปปฏิบัติทั้งจากบนสู่ล่างและล่างขึ้นบน ทั้งนี้ (2) ความหมายของวาทกรรม "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" และ "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" ในเชิงเนื้อหาพบว่า "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการลดความเหลื่อมล้ำมากกว่า "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" โดย"ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" มีรูปแบบการนำนโยบายไปปฏิบัติจากบนสู่ล่าง ขณะที่ "ยุติธรรมถ้วนหน้าประชามีส่วนร่วม" มีรูปแบบการนำนโยบายไปปฏิบัติจากล่างขึ้นบน พบว่าปัจจุบันมีการนำนโยบายยุติธรรมชุมชนไปปฏิบัติในรูปแบบทั้งจากบนสู่ล่าง และล่างขึ้นบนมากที่สุด รองลงมาเป็นรูปแบบจากบนสู่ล่าง และน้อยที่สุดคือรูปแบบล่างขึ้นบน (3) ผลของวาทกรรมต่อการนำนโยบายไปปฏิบัติและการนำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพิสูจน์สัญชาติ ในแง่วิธีการพบว่า "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" จะมีการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงเน้นสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ต่างจาก "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" ที่เน้นสร้างการรับรู้ให้กับผู้นำนโยบายไปปฏิบัติ แต่วาทกรรมทั้งสองมีความหมายไม่แตกต่างกันจึงส่งผลต่อรูปแบบการนำนโยบายไปปฏิบัติได้น้อยและไม่ส่งผลต่อการนำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพิสูจน์สัญชาติในนโยบายยุติธรรมชุมชน
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ (1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์การนำนโยบายยุติธรรมชุมชนไปปฏิบัติภายใต้วาทกรรม "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" และ "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" ของกระทรวงยุติธรรม (2) เพื่อศึกษาความหมายของวาทกรรม "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" และ "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" ในนโยบายยุติธรรมชุมชน (3) เพื่อศึกษาผลของวาทกรรมต่อการนำนโยบายไปปฏิบัติและการนำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพิสูจน์สัญชาติในนโยบายยุติธรรมชุมชน โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร นโยบายการเก็บแบบสอบถามกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานยุติธรรมจังหวัด การสัมภาษณ์และการประชุมสนทนากลุ่มผู้นำนโยบายไปปฏิบัติระดับบริหาร อำนวยการและหัวหน้างาน กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มข้าราชการในส่วนภูมิภาค ภาคประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชน โดยเทคนิคหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือการวิเคราะห์วาทกรรมเชิงวิพากษ์ผลการศึกษาวิจัยพบว่า (1) การนำนโยบายยุติธรรมชุมชนไปปฏิบัติภายใต้วาทกรรม "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" และ "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" ก่อให้เกิดรูปแบบการนำนโยบายไปปฏิบัติทั้งจากบนสู่ล่างผ่านถ้อยคำ "อำนวยความยุติธรรมสู่ประชาชน" และจากล่างขึ้นบนผ่านถ้อยคำ "ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรม" รวมถึงการนำนโยบายไปปฏิบัติทั้งจากบนสู่ล่างและล่างขึ้นบน ทั้งนี้ (2) ความหมายของวาทกรรม "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" และ "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" ในเชิงเนื้อหาพบว่า "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการลดความเหลื่อมล้ำมากกว่า "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" โดย"ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" มีรูปแบบการนำนโยบายไปปฏิบัติจากบนสู่ล่าง ขณะที่ "ยุติธรรมถ้วนหน้าประชามีส่วนร่วม" มีรูปแบบการนำนโยบายไปปฏิบัติจากล่างขึ้นบน พบว่าปัจจุบันมีการนำนโยบายยุติธรรมชุมชนไปปฏิบัติในรูปแบบทั้งจากบนสู่ล่าง และล่างขึ้นบนมากที่สุด รองลงมาเป็นรูปแบบจากบนสู่ล่าง และน้อยที่สุดคือรูปแบบล่างขึ้นบน (3) ผลของวาทกรรมต่อการนำนโยบายไปปฏิบัติและการนำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพิสูจน์สัญชาติ ในแง่วิธีการพบว่า "ยุติธรรมสู่หมู่บ้าน นำบริการรัฐสู่ประชาชน" จะมีการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงเน้นสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ต่างจาก "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" ที่เน้นสร้างการรับรู้ให้กับผู้นำนโยบายไปปฏิบัติ แต่วาทกรรมทั้งสองมีความหมายไม่แตกต่างกันจึงส่งผลต่อรูปแบบการนำนโยบายไปปฏิบัติได้น้อยและไม่ส่งผลต่อการนำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพิสูจน์สัญชาติในนโยบายยุติธรรมชุมชน
Description
Public Policy and Public Management (Mahidol University 2018)
Degree Name
Doctor of Public Administration
Degree Level
Doctoral Degree
Degree Department
Faculty of Social Sciences and Humanities
Degree Discipline
Public Policy and Public Management
Degree Grantor(s)
Mahidol University