SI-Article
Permanent URI for this collectionhttps://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/76
Browse
Recent Submissions
Publication Open Access ความสัมพันธ์ระหว่างธาตุเจ้าเรือนหมู่เลือด และอาหาร(2553) สิริกานต์ ภูโปร่ง; เทียมจิต ทองลือ; สร้อยศรี เอี่ยมพรชัย; นฤมล พูนไพบูลย์โรจน์; อริยวรรณ ล้ำเลิศกิจ; ประวิทย์ อัครเสรีนนท์; ทวี เลาหพันธ์; วิโรจน์ จงกลวัฒนา; อำพร วงศ์ภัทรนนท์; กรองทิพย์ วิจิตรจินดาPublication Open Access ๑๒๐ ปี โรงเรียนแพทย์ศิริราช(2553) สรรใจ แสงวิเชียรPublication Open Access ความพึงพอใจของบัณฑิตแพทย์ต่อหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล(2553) เชิดศักดิ์ ไอรมณีรัตน์; ชิตศุภางค์ รังษีสมบัติศิริ; Cherdsak Iramaneera; Chitsupang Rangsisombatsirการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงความพึงพอใจของบัณฑิตแพทย์ต่อหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต พ.ศ.๒๕๔๖ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้วิจัยสำรวจความคิดเห็นโดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน และความพึงพอใจเกี่ยวกับความรู้ ความสามารถและทักษะต่าง ๆ ที่ได้รับจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ บัณฑิตแพทย์ศิริราชรุ่น ๑๑๔ จำนวน ๑๑๕ คน บัณฑิตแพทย์ให้ความเห็นว่าสิ่งที่ได้รับจากการเรียนในระดับปรีคลินิกภาควิชาพยาธิวิทยาคลินิกสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้มากที่สุด ส่วนระดับคลินิกภาควิชาอายุรศาสตร์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานมากที่สุด โดยระดับของความรู้และทักษะดัานที่บัณฑิตได้นำไปประยุกต์ใช้ได้มากที่สุดคือ พฤตินิสัย เจตคติ และคุณธรรมทางการแพทย์ ในขณะที่บัณฑิตยังได้รับความรู้ และทักษะพื้นฐานในการดูแลผู้ป่วย ทักษะการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทักษะการทำหัตถการ ไม่มากเท่าที่ควร บัณฑิตแพทย์พึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของภาควิชาพยาธิวิทยาคลินิก และอายุรศาสตร์มากที่สุดในระดับปรีคลินิกและคลินิกตามลำดับ บัณฑิตมีความพึงพอใจมากในทักษะการตรวจร่างกายพื้นฐานทั้งระบบ และการตรวจช่องท้อง แต่พึงพอใจไม่มากนักในทักษะการตรวจทารกแรกเกิด ในด้านหัตถการบัณฑิตยังไม่ค่อยพึงพอใจ ในความสามารถของตนในหลายหัตถการ เช่น การทำหมันชาย, การทำคลอดด้วยคีม, การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายPublication Open Access การติดตามประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสามัญโลซาแทน (Losartan) ในการลดความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช(2553) ชโลบล เฉลิมศรี; วีรนุช รอบสันติสุข; วิษณุ ธรรมลิขิตกุลบทนำ: Losartan เป็นหนึ่งในยากลุ่ม angiotensin II receptor blocker ที่ใช้ในการควบคุมระดับความดันโลหิต ปัจจุบันมียาสามัญของ Losartan เข้ามาใช้ในโรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลมีนโยบายติดตามประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของยาสามัญที่รับไว้ในโรงพยาบาล วัตถุประสงค์: เพื่อทราบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสามัญ Losartan เมื่อเปรียบเทียบกับยาต้นแบบในการลดระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง รูปแบบการศึกษา: เก็บข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนผู้ป่วยที่ได้รับยาต้นแบบ losartan (Cozaar®) หรือยาสามัญ losartan (Tanzaril®) ต่อเนื่องอย่างน้อย ๖ สัปดาห์มาวิเคราะห์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา ผลการศึกษา: มีผู้ป่วยในการศึกษาทั้งหมด ๕๘๗ ราย แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ ๒๙๓ ราย และกลุ่มที่ได้รับ ยาสามัญ ๒๙๔ ราย ซึ่ง อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ระยะเวลาเฉลี่ยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และระยะเวลาการได้รับยา และข้อบ่งใช้ยาของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน แต่กลุ่มที่ได้รับยาสามัญ เป็นหญิงมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ สำหรับโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่มีร่วมพบว่ากลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ เป็นโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมองมาก กว่ากลุ่มที่ได้รับยาสามัญ กลุ่มที่ได้รับยาสามัญพบว่ามีขนาดยาเฉลี่ยและจำนวนผู้ที่ใช้ยาลดความดันโลหิตชนิดอื่น ร่วมด้วยน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ ส่วนจำนวนยาและชนิดของยาที่ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มได้รับร่วมด้วยส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นกลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ ได้รับยา furosemide และ verapamil ร่วมมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาสามัญ ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาสามัญ ได้รับยา doxazosin ร่วมมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ สำหรับค่าเฉลี่ยของความดันโลหิตก่อนการรักษาและหลังการรักษาของผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันโดยค่าเฉลี่ยของความดันโลหิต หลังการรักษาของผู้ป่วยแต่ละกลุ่มลดลงจากก่อนการรักษาและในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงมีการตอบสนองต่อการรักษาไม่แตกต่างกัน สำหรับผลข้างเคียงของการรักษาไม่พบความแตกต่างกันระหว่างยาทั้งสองกลุ่ม สรุป: ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสามัญ losartan ไม่ต่างจากยาต้นแบบ losartanPublication Open Access ปัจจัยที่มีผลต่อการให้รหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลศิริราช(2553) เพ็ญพร คูณขาว; ปานทิพย์ สวัสดิ์มงคล; วันดี วันศรีสุธน; ปัทมา สันติวงศ์เดชา; วราภรณ์ ปานเงินวัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการให้รหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยใน โดยเปรียบเทียบจากการวินิจฉัยโรคที่เป็นสาเหตุการตายในแบบฟอร์มสรุปสาเหตุการตายของเวชระเบียนผู้ป่วยในกับหนังสือรับรองการตาย และศึกษาการสรุปสาเหตุการตายที่เป็นรูปแบบการตาย วิธีการ: เป็นการวิจัยแบบเชิงพรรณนา โดยศึกษาจากแบบฟอร์มสรุปสาเหตุการตายของเวชระเบียนผู้ป่วยในของ ภาควิชาอายุรศาสตร์ สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา กุมารเวชศาสตร์ ศัลยศาสตร์ ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ จักษุวิทยา โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา และรังสีวิทยา และหนังสือรับรองการตายของผู้ป่วยที่ถึงแก่กรรมตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง ธันวาคม ๒๕๕๑ จำนวน ๒,๒๕๘ ราย เพื่อวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลด้วยวิธีแจกแจงความถี่ ร้อยละ และหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่าง ๆ พร้อมสรุปผลในแบบบันทึกรายงานผลการตรวจสอบสาเหตุการตาย ผลการศึกษา: มีเวชระเบียนผู้ป่วยในที่ไม่มีการสรุปสาเหตุการตายในแบบฟอร์มสรุปสาเหตุการตายจำนวน ๕๓ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒.๓๕ ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบผลได้ ดังนั้นเวชระเบียนผู้ป่วยในที่ใช้ในการวิจัยทั้งสิ้นมีจำนวน ๒,๒๐๕ ราย พบว่าเวชระเบียนผู้ป่วยในกับหนังสือรับรองการตายที่มีรหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายตรงกันมีจำนวน ๑,๔๔๙ ราย คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๗๑ และรหัสโรคไม่ตรงกันจำนวน ๗๕๖ ราย คิดเป็นร้อยละ ๓๔.๒๙ โดยทั้งนี้เกิด จากแพทย์ผู้สรุปสาเหตุการตายไม่ใช่แพทย์คนเดียวกัน มีจำนวน ๔๓๑ ราย คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๐๑ และพบว่าแพทย์ระบุรูปแบบการตาย (mode of death) เป็นสาเหตุการตายในหนังสือรับรองการตายมีจำนวน ๓๓ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑.๔๖ สรุป: ปัจจัยที่มีผลต่อการให้รหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลศิริราช ได้แก่ แพทย์ที่สรุปการวินิจฉัยโรคที่เป็นสาเหตุการตายของเวชระเบียนผู้ป่วยในและแพทย์ที่สรุปสาเหตุการตายในหนังสือรับรองการตาย ไม่ใช่แพทย์คนเดียวกัน ทำให้ข้อมูลจาก ๒ แหล่งไม่ตรงกัน ซึ่งส่งผลให้รหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายไม่ตรงกันด้วยPublication Open Access ครูแพทย์กับความเป็นนักวิทยาศาสตร์(2553) พิภพ จิรภิญโญ; Pipop JirapinyoPublication Open Access ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการใช้ระบบเวชสารสนเทศเพื่อการสั่งยาผู้ป่วยนอก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล(2553) จักรพันธ์ สุศิวะ; ศิริรัตน์ รัชตเมธาวิน; โฆษิต ลำใย; สายพิน บุญประเสริฐ; สมฤกษ์ เตชะวรพัฒนา; สำราญ คำก้อนPublication Open Access การปรับปรุงกระบวนการฝึกอบรมปฏิบัติการช่วยชีวิตของศูนย์ฝึกอบรมปฏิบัติการช่วยชีวิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล(2553) สุดตา ปรักกโมดม; ไสว ศิริทองถาวรPublication Open Access ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับครูแพทย์(2553) ภูเก็ต วาจานนท์Publication Open Access จริยธรรมในการแพทย์แผนไทย(2553) ทวี เลาหพันธ์; ทัพพ์เทพ ทิพย์เจริญธัม; เอื้อพงศ์ จตุรธำรง; ธานี เทพวัลย์Publication Open Access จรรยาแพทย์ ร.ศ. 126(2553) มานี ปิยะอนันต์; Manee Piyaanantจากการที่ได้มีโอกาสค้นหาประวัติของหลวงไวทเยศรางกูร ซึ่งเป้นหัวหน้าภาควิชาสูติศาสตร์ - นรเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลคนแรก ท่านอาจารย์พลตรีนายแพทย์ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์ ซึ่งเป็นบุตรเขยของท่าน ได้ให้ความอนุเคราะห์มอบสำเนาหนังสือที่ระลึกพระราชทางเพลิงศพของหลวงไวทเยศรางกูร เมื่อ 18 สิงหาคม 2528 ณ เมรุวัดสังเวชวิศายาราม (บางลำพู) หนังสือเล่มนี้มีคุณค่ามาก นอกจากจะมีประวัติของท่านหลวงไวยเวทเยศรางกูรแล้ว ยังมีบทความเล็กเซอร์จรรยาแก่นักเรียนแพทย์ที่ดรงเรียนราชแพทยาลัย ดดยพระยาเสด็จสุเรนทราธิบดี (เป็นบิดาของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล) ท่านบรรยายไว้เมื่อวันเสาร์ที่ 3 และ 10 สิงหาคม รศ. 126 ซึ่งเป็นเวลาเกิน 100 ปี มาแล้ว อ่านแล้วประทับใจ เป็นข้อเตือนใจและเป็นสิ่งที่ทันสมัยอยู่เสมอ บทความนี้น่าจะมีประโยชน์กับแพทย์ไม่มากก็น้อย ผู้เขียนจึงพยายามนำบางส่วนมาย่อให้อ่านง่ายขึ้นPublication Open Access ทักษะทางคลินิกสามารถพัฒนาได้ดีกว่าความรู้ทางทฤษฎีภายหลังการฝึกอบรมเป็นแพทย์ประจำบ้านอายุรศาสตร์(2552) นิธิพัฒน์ เจียรกุล; อุดม คชินทร; เรวดี พีรวัฒนฒึก; ชนะ นฤมาน; Nitipatana Chierakul; Udom Kachintorn; Revadee Perawatanatuk; Chana Narumanการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านอายุรศาสตร์มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแพทย์หลังจบการศึกษาในระดับแพทยศาสตรบัณฑิต ให้มีความรู้ทางทฤษฎีและทักษะทางคลินิกด้านอายุรกรรมเพิ่มมากขึ้น พร้อมไปกับพัฒนาการด้านเจตคติและเตรียมความพร้อมการเป็นอายุรแพทย์ที่สอดคล้องกับความต้องการของสังคม ได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนสอบเพื่อวุฒิบัตรอายุรศาสตร์กับคะแนนอายุรศาสตร์ระหว่างที่เป็นนักศึกษาแพทย์ โดยแยกเป็นคะแนนภาคทฤษฎีและคะแนนภาคปฏิบัติ ของแพทย์ประจำบ้านภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่เข้าสอบเพื่อวุฒิบัตรระหว่างปีการศึกษา ๒๕๔๘ – ๒๕๕๐ รวม ๓ ปี จำนวน ๗๐ คน พบว่าคะแนนภาคทฤษฎีขณะเป็นนักศีกษาแพทย์สัมพันธ์ปานกลางกับคะแนนภาคทฤษฎีขณะเป็นแพทย์ประจำบ้าน (ค่าความสัมพันธ์ ๐.๓๗ ค่าพี ๐.๐๐๒) แต่คะแนนภาคปฏิบัติในสองช่วงเวลานี้ไม่มีความสัมพันธ์กันเลย (ค่าความสัมพันธ์ – ๐.๑๐ ค่าพี ๐.๔๐๓) ดังนั้นการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านอายุรศาสตร์สามารถทำให้มีพัฒนาการด้านทักษะทางคลินิกได้ดีกว่าความรู้ทางทฤษฎีจากเดิมขณะที่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์Publication Open Access การจัดการทางการสื่อสารในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล(2552) สุรพงษ์ โสธนะเสถียร; วัลลีย์ ศรีประภาภรณ์; Surapongse Sotanasathien; Wanlee Sriprapapornวัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาถึงการสื่อสารในองค์กร รวมถึงศึกษาการจัดการในองค์กรและศึกษาการจัดการทางการสื่อสาร วิธีการ: การวิจัยในเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยได้แบ่งการนำเสนอผลการวิจัยโดยวิเคราะห์มุมมองและความเห็นของผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ผู้บริหารระดับสูง ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งเป็นมุมมองและความเห็นของผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับการวางระบบการบริหารการจัดการของหัวหน้างาน ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยนำเสนอผลการวิจัยจากการทอดแบบสอบถามให้สำหรับบุคลากรภายในคณะแพทยศาสตร์ศิริราช โดยทอดแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น ๓๐๐ คน มีผู้ตอบแบบสอบถามกลับมาจำนวน ๒๓๓ คน นอกจากนั้นยังได้ทำการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกผู้บริหาร ๗ คน ผลการศึกษา: พบว่าผู้บริหารทุกระดับโดยเฉพาะผู้บริหารในระดับสูงได้นำเอาระบบการสื่อสารและ เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการวางแผนในการทำงานเพื่อตอบสนองต่อนโยบายขององค์การ ผู้บริหารทุกระดับชั้นโดยเฉพาะผู้บริหารในระดับสูงมีระบบการบริหารการจัดการที่ไม่ค่อยแตกต่างกัน และพยายามปรับให้เข้ากับเทคโนโลยีมากขึ้นโดยได้นำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในการบริหารงาน ผู้บริหารทุกระดับโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงได้นำเอาระบบการสื่อสารที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารงานเพิ่มมากขึ้น สรุป: การนำระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ผู้บริหารทุกระดับชั้นของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้นำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในหน่วยงานที่ตนเองบังคับบัญชาอยู่เพื่อความสะดวกในการเรียกหาข้อมูล การวางแผนเพื่อการบริหารและพัฒนาหน่วยงานการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ผู้บริหารในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมีระบบการบริหารการจัดการที่ไม่ค่อยแตกต่างกัน เช่น ผู้บริหารทุกท่านรู้ถึงจุดเด่น จุดด้อย จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสที่จะพัฒนาหน่วยงานและอุปสรรคในแต่ละหน่วยงาน ได้มีการวางแผนการแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ผู้บริหารทุกหน่วยงาน เห็นความสำคัญของการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในหน่วยงาน และผู้บริหารในคณะคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลทุกท่านได้นำเอาระบบการสื่อสารที่ทันสมัยมาใช้ในหน่วยงานเพิ่มมากขึ้นPublication Open Access ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง หม่อมราชวงศ์ส่งศรี เกตุสิงห์(2552) สรรใจ แสงวิเชียร; Sanjai SangvichienPublication Open Access สามเดือนที่หายไปในบันทึกประวัติศาสตร์ไทย(2552) สัญญา สุขพณิชนันท์; Sanya SukpanichnantPublication Open Access ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการให้รหัสโรค หัตถการและการผ่าตัดของผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลศิริราช(2552) ปานทิพย์ สวัสดิ์มงคล; วันดี วันศรีสุธน; เพ็ญพร คูณขาว; สุมาลย์ วงษ์ไทยวัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการให้รหัสโรค หัตถการและการผ่าตัดของผู้ป่วยใน ที่โรงพยาบาลศิริราช และเปรียบเทียบค่า RW ที่ได้รับก่อนและหลังการตรวจสอบ ซึ่งเป็นค่าที่ใช้ในการคำนวณค่าตอบแทนที่ได้รับ (Reimbursement) ในระบบ DRG วิธีการ : เป็นการวิจัยแบบเชิงพรรณนา โดยศึกษาเวชระเบียนของผู้ป่วยใน ที่จำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม ๒๕๕๑ โดยสุ่มตรวจ ๑% ของจำนวนเวชระเบียนทั้งหมด ซึ่งแบ่งสัดส่วนตามจำนวนเวชระเบียนของผู้ป่วยใน ที่จำหน่ายในแต่ละภาควิชา รวมจำนวนทั้งสิ้น ๗๙๐ ฉบับ และเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบบันทึกข้อมูล การตรวจสอบรหัส ICD เพื่อนำมาวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลโดยวิธีแจกแจงความถี่และร้อยละหาความสัมพันธ์ ระหว่างปัจจัยต่าง ๆ พร้อมทั้งสรุปผลในแบบบันทึกรายงานผลการตรวจสอบรหัส ICD ผลการศึกษา : เวชระเบียนที่แจ้งกลับ (feed back) ไปยังภาควิชาต่าง ๆ เนื่องจากตรวจพบความผิดพลาดในการให้รหัสโรค หัตถการและการผ่าตัด มีจำนวน ๓๒๗ ฉบับ คิดเป็นร้อยละ ๔๑.๓๙ ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ ได้แก่ ข้อมูลรหัสการวินิจฉัยโรคอื่น (SDx) ที่ไม่ครบถ้วน ข้อมูลรหัสการวินิจฉัยโรคหลัก (PDx) หรือการวินิจฉัยโรคอื่น ไม่ถูกต้อง ข้อมูลรหัสหัตถการและการผ่าตัด (Proc) ไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง โดยส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระยะเวลาที่นอนรักษาในโรงพยาบาล (CalLOS) มากกว่า ๓๐ วัน และมีค่า AdjRW ที่ได้หลังตรวจสอบเพิ่มขึ้นมีจำนวน ๗ ภาควิชา และลดลงมีจำนวน ๓ ภาควิชา สรุป : ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการให้รหัสโรค หัตถการและการผ่าตัดของผู้ป่วยใน ที่โรงพยาบาลศิริราช ได้แก่ ข้อมูลรหัสการวินิจฉัยโรคอื่น (SDx) ข้อมูลรหัสการวินิจฉัยโรคหลัก (PDx) ข้อมูลรหัสหัตถการและการผ่าตัด (Proc) ที่ไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง รวมทั้งระยะเวลาที่นอนรักษาในโรงพยาบาล (CalLOS) นานขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลทำให้ค่า AdjRW ซึ่งเป็นค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ (RW) ที่ถูกปรับตามค่าวันนอนจริงเพิ่มขึ้นPublication Open Access ผลของการบาดเจ็บต่อนัยสำคัญทางคดี(2552) สุภาวรรณ เศรษฐบรรจงPublication Open Access Publication Open Access ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเสริฐ ปาจรีย์(2552) สัญญา สุขพณิชนันท์; ตุ้มทิพย์ แสงรุจิPublication Open Access ความต้องการในการพัฒนาความรู้ด้านแพทยศาสตรศึกษาของอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล(2552) เชิดศักดิ์ ไอรมณีรัตน์; Cherdsak Iramaneeratการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการในการพัฒนาความรู้ทางด้านแพทยศาสตรศึกษาของ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล รวมทั้งรูปแบบในการจัดโครงการพัฒนาความรู้ทางด้านแพทยศาสตรศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยผู้วิจัยได้จัดทำแบบสอบถามสำรวจความเห็นของอาจารย์ทั้งคณะฯ เกี่ยวกับเนื้อหาทางแพทยศาสตรศึกษาที่สนใจ, รูปแบบการจัด กิจกรรมที่ต้องการ, และปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรม ผู้วิจัยได้รับแบบสอบถามกลับ ร้อยละ ๔๓ ของแบบสอบถามที่ส่งออก การวิเคราะห์ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าประเด็นที่อาจารย์มีความสนใจเข้ารับการอบรมมากที่สุด คือ questioning techniques รองลงมาคือ communication skills teaching, motivation, computer-assisted instruction and e-learning และ multiple-choice questions ในส่วนรูปแบบการจัดโครงการพัฒนาความรู้พบว่า อาจารย์มีความต้องการให้จัดโครงการอยู่ในรูปแบบของการสอนบรรยายในคณะฯ มากที่สุด รองลงมาคือ รูปแบบบทเรียนแบบ e-learning และจดหมายข่าว (newsletter) ตามลำดับ โดยรูปแบบที่มีความเหมาะสมในการสอนบรรยาย คือ ควรจัดเดือนละ ๑ ครั้ง ๆ ละ ๒ ชั่วโมง โดยจัดในวันพุธ ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมอบรม คือ ปัจจัยทางด้านเนื้อหาตรงกับความต้องการ และปัจจัยช่วงเวลาในการจัดอบรมตรงกับช่วงเวลาที่ว่าง