SI-Article
Permanent URI for this collectionhttps://repository.li.mahidol.ac.th/handle/20.500.14594/76
Browse
Recent Submissions
Publication Open Access วิชาการในศิริราช - เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย(2551) วันชัย วนะชิวนาวินPublication Open Access เพื่อผู้ป่วยดุจคนรัก เพื่อสังคมและโลกที่สันติสุข(2553) สัญญา สุขพิชนันท์; Sanya SukpanichnantPublication Open Access เอกสารที่ใช้ในการติดต่อกับคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน(2553) จริยา เลิศอรรฆยมณี; สุทธิพล อุดมพันธุรัก; ศุภกานต์ เข็มเงินPublication Open Access ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์นิวัฒน์ จันทรกุล(2554) สัญญา สุขพณิชนันท์; Sanya SukpanichnantPublication Open Access กิจกรรมสังเคราะห์ความรู้สำหรับนักศึกษาแพทย์ศิริราชระดับปรีคลินิก(2554) วีระเทพ ฉัตรธนโชติกุล; Weerathep ChattanachotikulPublication Open Access การตรวจหา anti-GBM antibody ด้วยเทคนิคอิมมูโนฟลูออเรสเซนซ์(2553) นภารัตน์ แก้วเกื้อกูล; ศิวดี เหลืองสุวรรณPublication Open Access ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชบริจาคเงินช่วยศิริราชเท่าใดดีหนอ(2554) สัญญา สุขพณิชนันท์; Sanya SukpanichnantPublication Open Access การศึกษาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการประชุมของคณะกรรมการประจำคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล(2551) ดุจดาว วงษ์ศรีมงคล; Dujdao Wongsrimongkolวัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการประชุมของคณะกรรมการประจำคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พร้อมเสนอแนวทางการนำทรัพยากรเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้บริหารการประชุมอย่างคุ้มค่า รวมทั้งการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค รูปแบบการวิจัย : การวิจัยเชิงสำรวจ (quantitative and qualitative survey research) กลุ่มตัวอย่าง : ผู้ปฏิบัติงานในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดืนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบด้วยผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จำนวน ๒๒ คน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๘ คน รวมทั้งสิ้น ๓๐ คน วิธีดำเนินการวิจัย : เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ ตามแบบสัมภาษณ์ที่แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ ข้อมูลส่วนตัว เป็นคำถามแบบปิด และส่วนที่ ๒ ข้อมูลการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการประชุมคณะกรรมการประจำคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นคำถามแบบปิด ต่อด้วยคำถามแบบเปิด เพื่อสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกียวกับความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆของคณะฯ เพื่อการปฏิบัติงาน บริหารงาน และประกอบการตัดสินใจ ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศและคุณภาพของสารสนเทศ ปัญหาอุปสรรคในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนั้น ๆ และสิ่งที่ต้องการให้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา เพื่อให้การประชุมคณะฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัววัดที่สำคัญ : คะแนนความคิดเห็น (ระดับ ๑-๕: น้อยที่สุด-มากที่สุด) และร้อยละของความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการประชุมคณะกรรมการประจำคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ผลของการวิจัย : กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย ร้อยละ ๖๙ มีอายุระหว่าง ๔๑-๖๐ ปี เท่ากับร้อยละ ๘๕ ส่วนใหญ่รับราชการระดับ ๘ ขึ้นไป จบการศึกษาในระดับปริญญาเอก ปฏิบัติราชการมานานกว่า ๑๕ ปี เคยได้รับการศึกษาอบรมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ปานกลาง (๓.๑๒) มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ในการปฏิบัติงานมาก (๓.๔๒) มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศของคณะฯ มากที่สุดในเรื่องประโยชน์ของระบบการประชุมแบบลดเอกสารซึ่งทำให้ลดปริมาณกระดาษ สะดวกในการจัดเก็บ/ค้นหา และประหยัดเวลา/แรงงาน/งบประมาณ (๔.๔๒,๔.๒๗ และ ๔.๒๓ ตามลำดับ) มีความรู้ความเข้าใจปานกลางในการใช้โปรแกรม Microsoft Excel ระบบงานต่าง ๆ ของคณะฯ อันได้แก่ ระบบงานสารบรรณอัตโนมัติ ระบบจัดซื้อจัดจ้าง และระบบงานบุคลากร และในเรื่องการซ่อมบำรุง/ดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ (๓.๐๔, ๒.๘๕ และ ๒.๖๕ ตามลำดับ) พึงพอใจในคุณภาพหรือประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศตามลำดับได้แก่ การที่ผู้บริหารให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ร้อยละ ๗๗.๔๗) สานสนเทศที่ได้สนับสนุนการปฏิบัติงานได้ (ร้อยละ ๗๑.๓๖) มีความถูกต้องเป็นปัจจุบัน (ร้อยละ ๗๐.๓๙) รวดเร็วครบถ้วนและตรงกับความต้องการ (ร้อยละ ๖๙.๔๒) คณะฯ มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ร้อยละ ๗๐.๓๙) ระบบงาน ของคณะฯ ทุกระบบ (ร้อยละ ๕๘.๒๗ - ๖๕.๗๙) และวัสดุอุปกรณ์และบุคลากร (ร้อยละ ๕๗.๓๐ - ๖๒.๘๘) ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่เป็นปัญหาอุปสรรค โดยรวม (๒.๙๒) ด้านบุคลากร (๓.๐๘) ด้านระบบงานต่าง ๆ ของคณะฯ (๓.๑๒) และด้านข้อมูลที่ได้รับ (๓.๓๘) สรุป : เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประชุมของผู้บริหาร ควรนำระบบการประชุมแบบลดเอกสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ มาใช้เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ และเพื่อการใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างคุ้มค่า ปัจจัยที่ควรให้ความใส่ใจคือ การพัฒนาบุคลากรให้มีความีู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการปฏิบัติงานและการบริหารจัดการPublication Open Access การฝากครรภ์ยุคใหม่(2551) วิทยา ถิฐาพันธ์; นิศารัตน์ พิทักษ์วัชระ; Vitaya Titapant; Nisarat phithakwatcharaPublication Open Access "นมไก่" คิดได้อย่างไร(2551) พิภพ จิรภิญโญPublication Open Access การดำเนินคดีจริยธรรมกรณีผู้ถูกร้องเรียนตาย: รายงานผู้ตาย ๑ ราย(2551) วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์; Visutr FongsiripaibulPublication Open Access การจัดทำแผนพัฒนาสมรรถนะบุคลากรของแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อช่วยขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ(2567) กฤตยพร ไวคุณา; Krittayaporn Wikunaการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จในโลกที่การเติบโตทางธุรกิจมีการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสูง ความสามารถและทักษะของบุคลากรในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีบทบาทสำคัญ การมุ่งเน้นให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรจึงต้องมีการวางแผนการพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรที่ออกแบบเป็นอย่างดี บทความนี้จะเน้นถึงขั้นตอนสำคัญที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนงานพัฒนาสมรรถนะบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นรายบุคคล กรณีศึกษาแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เริ่มต้นด้วยการประเมินความต้องการหรือเป้าหมายขององค์กร การระบุช่องว่างของสมรรถนะและประเมินสมรรถนะ การกำหนดเป้าหมายการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรที่ชัดเจนให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร และมีการออกแบบแผนการฝึกอบรมและการพัฒนาที่เหมาะสม รวมถึงการเสริมศักยภาพบุคลากรในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้วยทักษะและความรู้ที่จำเป็นเพื่อให้ทันต่อการรับมือภัยคุกคามและการโจมตีทางด้านไซเบอร์ที่รุนแรงมากขึ้น ตลอดจนถึงมีความรู้ความเข้าใจในการต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านระบบคอมพิวเตอร์และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ อย่างไรก็ดีการวางแผนพัฒนาสมรรถนะบุคลากรที่ดีช่วยพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับบุคลากร บุคลากรที่ได้รับการพัฒนามีความก้าวหน้าในสายงาน องค์กรมีศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น การทำงานเป็นมาตรฐานในระดับสากล เพิ่มผลผลิต องค์กรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสามารถขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนPublication Open Access เวชระเบียนเป็นของใคร(2551) วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์; Visutr FongsiripaibulPublication Open Access ตาบอดจากเบาหวานป้องกันได้(2551) งามแข เรืองวรเวทย์; Ngamkae RuangvratePublication Open Access การให้วิตามินเคเพื่อป้องกันโรคเลือดออกในทารกแรกเกิด(2554) ณัฐฐิณี ศรีสันติโรจน์; Nattinee SrisantirujPublication Open Access ความพึงพอใจของบัณฑิตแพทย์ต่อหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล(2553) เชิดศักดิ์ ไอรมณีรัตน์; ชิตศุภางค์ รังษีสมบัติศิริ; Cherdsak Iramaneera; Chitsupang Rangsisombatsirการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงความพึงพอใจของบัณฑิตแพทย์ต่อหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต พ.ศ.๒๕๔๖ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้วิจัยสำรวจความคิดเห็นโดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน และความพึงพอใจเกี่ยวกับความรู้ ความสามารถและทักษะต่าง ๆ ที่ได้รับจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ บัณฑิตแพทย์ศิริราชรุ่น ๑๑๔ จำนวน ๑๑๕ คน บัณฑิตแพทย์ให้ความเห็นว่าสิ่งที่ได้รับจากการเรียนในระดับปรีคลินิกภาควิชาพยาธิวิทยาคลินิกสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้มากที่สุด ส่วนระดับคลินิกภาควิชาอายุรศาสตร์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานมากที่สุด โดยระดับของความรู้และทักษะดัานที่บัณฑิตได้นำไปประยุกต์ใช้ได้มากที่สุดคือ พฤตินิสัย เจตคติ และคุณธรรมทางการแพทย์ ในขณะที่บัณฑิตยังได้รับความรู้ และทักษะพื้นฐานในการดูแลผู้ป่วย ทักษะการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทักษะการทำหัตถการ ไม่มากเท่าที่ควร บัณฑิตแพทย์พึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของภาควิชาพยาธิวิทยาคลินิก และอายุรศาสตร์มากที่สุดในระดับปรีคลินิกและคลินิกตามลำดับ บัณฑิตมีความพึงพอใจมากในทักษะการตรวจร่างกายพื้นฐานทั้งระบบ และการตรวจช่องท้อง แต่พึงพอใจไม่มากนักในทักษะการตรวจทารกแรกเกิด ในด้านหัตถการบัณฑิตยังไม่ค่อยพึงพอใจ ในความสามารถของตนในหลายหัตถการ เช่น การทำหมันชาย, การทำคลอดด้วยคีม, การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายPublication Open Access การติดตามประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสามัญโลซาแทน (Losartan) ในการลดความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มารักษาที่โรงพยาบาลศิริราช(2553) ชโลบล เฉลิมศรี; วีรนุช รอบสันติสุข; วิษณุ ธรรมลิขิตกุลบทนำ: Losartan เป็นหนึ่งในยากลุ่ม angiotensin II receptor blocker ที่ใช้ในการควบคุมระดับความดันโลหิต ปัจจุบันมียาสามัญของ Losartan เข้ามาใช้ในโรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลมีนโยบายติดตามประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของยาสามัญที่รับไว้ในโรงพยาบาล วัตถุประสงค์: เพื่อทราบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสามัญ Losartan เมื่อเปรียบเทียบกับยาต้นแบบในการลดระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง รูปแบบการศึกษา: เก็บข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนผู้ป่วยที่ได้รับยาต้นแบบ losartan (Cozaar®) หรือยาสามัญ losartan (Tanzaril®) ต่อเนื่องอย่างน้อย ๖ สัปดาห์มาวิเคราะห์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา ผลการศึกษา: มีผู้ป่วยในการศึกษาทั้งหมด ๕๘๗ ราย แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ ๒๙๓ ราย และกลุ่มที่ได้รับ ยาสามัญ ๒๙๔ ราย ซึ่ง อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ระยะเวลาเฉลี่ยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และระยะเวลาการได้รับยา และข้อบ่งใช้ยาของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน แต่กลุ่มที่ได้รับยาสามัญ เป็นหญิงมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ สำหรับโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่มีร่วมพบว่ากลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ เป็นโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคหลอดเลือดสมองมาก กว่ากลุ่มที่ได้รับยาสามัญ กลุ่มที่ได้รับยาสามัญพบว่ามีขนาดยาเฉลี่ยและจำนวนผู้ที่ใช้ยาลดความดันโลหิตชนิดอื่น ร่วมด้วยน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ ส่วนจำนวนยาและชนิดของยาที่ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มได้รับร่วมด้วยส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นกลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ ได้รับยา furosemide และ verapamil ร่วมมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาสามัญ ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาสามัญ ได้รับยา doxazosin ร่วมมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาต้นแบบ สำหรับค่าเฉลี่ยของความดันโลหิตก่อนการรักษาและหลังการรักษาของผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันโดยค่าเฉลี่ยของความดันโลหิต หลังการรักษาของผู้ป่วยแต่ละกลุ่มลดลงจากก่อนการรักษาและในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงมีการตอบสนองต่อการรักษาไม่แตกต่างกัน สำหรับผลข้างเคียงของการรักษาไม่พบความแตกต่างกันระหว่างยาทั้งสองกลุ่ม สรุป: ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาสามัญ losartan ไม่ต่างจากยาต้นแบบ losartanPublication Open Access ปัจจัยที่มีผลต่อการให้รหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลศิริราช(2553) เพ็ญพร คูณขาว; ปานทิพย์ สวัสดิ์มงคล; วันดี วันศรีสุธน; ปัทมา สันติวงศ์เดชา; วราภรณ์ ปานเงินวัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการให้รหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยใน โดยเปรียบเทียบจากการวินิจฉัยโรคที่เป็นสาเหตุการตายในแบบฟอร์มสรุปสาเหตุการตายของเวชระเบียนผู้ป่วยในกับหนังสือรับรองการตาย และศึกษาการสรุปสาเหตุการตายที่เป็นรูปแบบการตาย วิธีการ: เป็นการวิจัยแบบเชิงพรรณนา โดยศึกษาจากแบบฟอร์มสรุปสาเหตุการตายของเวชระเบียนผู้ป่วยในของ ภาควิชาอายุรศาสตร์ สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา กุมารเวชศาสตร์ ศัลยศาสตร์ ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ จักษุวิทยา โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา และรังสีวิทยา และหนังสือรับรองการตายของผู้ป่วยที่ถึงแก่กรรมตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง ธันวาคม ๒๕๕๑ จำนวน ๒,๒๕๘ ราย เพื่อวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลด้วยวิธีแจกแจงความถี่ ร้อยละ และหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่าง ๆ พร้อมสรุปผลในแบบบันทึกรายงานผลการตรวจสอบสาเหตุการตาย ผลการศึกษา: มีเวชระเบียนผู้ป่วยในที่ไม่มีการสรุปสาเหตุการตายในแบบฟอร์มสรุปสาเหตุการตายจำนวน ๕๓ ราย คิดเป็นร้อยละ ๒.๓๕ ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบผลได้ ดังนั้นเวชระเบียนผู้ป่วยในที่ใช้ในการวิจัยทั้งสิ้นมีจำนวน ๒,๒๐๕ ราย พบว่าเวชระเบียนผู้ป่วยในกับหนังสือรับรองการตายที่มีรหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายตรงกันมีจำนวน ๑,๔๔๙ ราย คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๗๑ และรหัสโรคไม่ตรงกันจำนวน ๗๕๖ ราย คิดเป็นร้อยละ ๓๔.๒๙ โดยทั้งนี้เกิด จากแพทย์ผู้สรุปสาเหตุการตายไม่ใช่แพทย์คนเดียวกัน มีจำนวน ๔๓๑ ราย คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๐๑ และพบว่าแพทย์ระบุรูปแบบการตาย (mode of death) เป็นสาเหตุการตายในหนังสือรับรองการตายมีจำนวน ๓๓ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑.๔๖ สรุป: ปัจจัยที่มีผลต่อการให้รหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยในที่โรงพยาบาลศิริราช ได้แก่ แพทย์ที่สรุปการวินิจฉัยโรคที่เป็นสาเหตุการตายของเวชระเบียนผู้ป่วยในและแพทย์ที่สรุปสาเหตุการตายในหนังสือรับรองการตาย ไม่ใช่แพทย์คนเดียวกัน ทำให้ข้อมูลจาก ๒ แหล่งไม่ตรงกัน ซึ่งส่งผลให้รหัสโรคที่เป็นสาเหตุการตายไม่ตรงกันด้วยPublication Open Access ความสัมพันธ์ระหว่างธาตุเจ้าเรือนหมู่เลือด และอาหาร(2553) สิริกานต์ ภูโปร่ง; เทียมจิต ทองลือ; สร้อยศรี เอี่ยมพรชัย; นฤมล พูนไพบูลย์โรจน์; อริยวรรณ ล้ำเลิศกิจ; ประวิทย์ อัครเสรีนนท์; ทวี เลาหพันธ์; วิโรจน์ จงกลวัฒนา; อำพร วงศ์ภัทรนนท์; กรองทิพย์ วิจิตรจินดาPublication Open Access ๑๒๐ ปี โรงเรียนแพทย์ศิริราช(2553) สรรใจ แสงวิเชียร